อนาคตเว็บโป๊ ในกำมือบริษัทบัตรเครดิต

บัตรเครดิต
แฟ้มภาพ
คอลัมน์ Tech Times
มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

ไม่กี่วันที่ผ่านมาคนในวงการหนังโป๊ออนไลน์ต้องเครียดหนัก หลัง OnlyFans สั่งห้ามโพสต์คอนเทนต์ที่แสดง “การร่วมเพศอย่างโจ่งแจ้ง” บนแพลตฟอร์มโดยจะมีผลตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ประกาศนี้ทำร้ายจิตใจทั้งแฟนคลับหรือผู้ผลิตคอนเทนต์อย่างมาก เพราะ OnlyFans คือแพลตฟอร์มออนไลน์หนังโป๊อันดับต้น ๆ ของโลกที่มีผู้ใช้บริการกว่า 130 ล้านคน และมีผู้สร้างคอนเทนต์ถึง 1.5 ล้านคน

ปี 2016 OnlyFans เปิดตัวในฐานะ “โซเชียลแพลตฟอร์ม” ที่เปิดให้ผู้คนหลากหลายอาชีพ แต่คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กลับเป็นหนังติดเรตทั้งสิ้น

ความนิยมของ OnlyFans พุ่งสูงขึ้นอย่างมากช่วงโควิด ทำให้มีการจ่ายส่วนแบ่งรายได้แก่เจ้าของคอนเทนต์ถึงปีละ 5 พันล้านเหรียญ

OnlyFans ชี้แจงว่า นโยบายใหม่นี้ออกมาเพื่อช่วยให้บริษัทเติบโตอย่าง “ยั่งยืน” และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของ “ธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิต” ของบริษัท

แต่หลังโดนถล่มจากทั้งผู้ใช้บริการและเจ้าของคอนเทนต์ OnlyFans กลับลำในอีกไม่กี่วันถัดมาโดยบอกว่าจะไม่นำนโยบายใหม่มาใช้แล้วหลังได้รับ “คำยืนยัน” จาก “พันธมิตร” ว่าบริษัทสามารถเผยแพร่คอนเทนต์ที่หลากหลายได้

อย่างไรก็ตาม อาการผีเข้าผีออกของ OnlyFans สะท้อนให้เห็น “อิทธิพล” ของบริษัทบัตรเครดิตและธนาคารที่มีต่อนโยบาย และ “สิทธิ” ในการเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ของผู้บริโภคอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง

ซีอีโอ OnlyFans “ทิม สโตกลีย์” ยอมรับกับ Financial Times ว่าบริษัทโดนกดดันจากธนาคารหลายแห่ง ที่บล็อกไม่ให้บริษัทจ่ายค่าคอนเทนต์ให้ผู้ผลิต และ JP Morgan ที่ยกเลิกบัญชีธนาคารของ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขายบริการทางเพศ

นักวิเคราะห์มองว่าธนาคารและบริษัทบัตรเครดิตต้องเข้มงวดเรื่องนี้ เพราะกลัวโดนหางเลขหากพบว่ามีส่วนส่งเสริมการค้ามนุษย์ การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือการค้าประเวณีที่ผิดกฎกหมาย โดย OnlyFans ไม่ใช่เว็บโป๊รายแรกที่โดนแบน

ในปี 2015 ทั้ง Visa Mastercard และ American Express ยกเลิกการให้บริการกับ Backpage.com หลังมีการเปิดโปงว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีส่วนทำให้เกิดการค้ามนุษย์ และต้องปิดตัวลง

ในปี 2018 ธ.ค.ปีที่แล้ว Discover Mastercardและ Visa ตัดหางปล่อยวัด Pornhub เว็บหนังโป๊ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลังพบว่ามีการเผยแพร่คอนเทนต์ที่เข้าข่ายเป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก แม้ Pornhub จะรีบเก็บกวาดระบบหลังบ้าน

แต่ก็ไม่ช่วยให้บริษัทบัตรเครดิตเปลี่ยนใจ ทำให้ทุกวันนี้ผู้ใช้ Pornhub ยังไม่สามารถจ่ายค่าบริการผ่านบัตรเครดิต แต่ต้องใช้วิธีโอนเงินหรือจ่ายเป็น cryptocurrency แทน

การที่สถาบันการเงินขนาดใหญ่มีจิตสำนึกในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมแบบนี้ น่าจะส่งผลดีต่อความพยายามในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ แต่ขณะเดียวกัน Electronic Frontier Foundation มองว่า Mastercard หรือ Visa ซึ่งมีอิทธิพลต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ทั่วโลก อาจมีบทบาทมากเกินไปในการกำหนดกฎระเบียบที่เจ้าของแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์ต้องปฏิบัติตาม

แน่นอนว่าแพลตฟอร์มอย่าง OnlyFans ไม่มีวันดูดีในสายตาของคนที่ยึดมั่นในศีลธรรม แต่สำหรับคนจำนวนมาก OnlyFans เปิดโอกาสให้ทำมาหากินอย่างสุจริตและถูกกฎหมาย การที่บริษัทบัตรเครดิตเอามาตรฐานจริยธรรมมาครอบงำ อาจผลักให้เกิดคอนเทนต์ “ใต้ดิน” มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะล่อแหลมและผิดกฎหมายแล้วยังควบคุมยากขึ้นด้วย