“เอเวอร์ เมดิคอล” เปิดตัว “EVER Health Wallet” เก็บข้อมูลสุขภาพบน “บล็อกเชน” ชูแนวคิดเจ้าของข้อมูลเป็นศูนย์กลางให้อำนาจผู้ใช้เชื่อมต่อแพลตฟอร์มบริการสาธารณสุขข้ามประเทศ หวังต่อจิ๊กซอว์ “เมดิคัล ฮับ”
วันที่ 2 กรกฎาคม 2565 นายภาณุสิทธิ์ ชมะนันทน์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอเวอร์ เมดิคอล เทคโนโลยี จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่น EVER Health Care เปิดเผยว่า ตนก่อตั้งบริษัทในปี 2017 และได้พัฒนา EVER Health Wallet บนเทคโนโลยี “บล็อกเชน” เพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาล โดยให้ความสำคัญกับความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownnership) ของผู้ป่วยหรือประชาชนทั่วไป เนื่องจาก “ข้อมูล”เป็นสิ่งมีค่า
ขณะที่ฝั่งเทคโนโลยีสุขภาพ รวมถึงแพทย์ต่างต้องการรวบรวมข้อมูล “บิ๊กดาต้า” ที่จะนำไปพัฒนา “เอไอ”เพื่อให้ช่วยวินิจฉัย เช่น ใช้ข้อมูลประชากร และผู้ป่วยมะเร็งในสหรัฐอเมริกา ถอดรหัสจีโนมให้เอไอวิเคราะห์หายา และวิธีการรักษาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล เป็นต้น
โดยแอปพลิเคชั่นจะเก็บข้อมูลต่าง ๆ เช่น กิจกรรมในชีวิตประจำวัน, ไบโอเมตริกส์, การติดตามการรักษา, ข้อมูลอาการเจ็บป่วย, ผลการวินิจฉัยรักษา และข้อมูล Muti-Omics ที่มีการบูรณาการข้อมูลที่ได้จากการวิจัยแบบโอมิกส์ นำไปสู่การประมวลผลทางการแพทย์ที่แม่นยำ ด้วยการนำข้อมูลไปประมวลผลด้วย เอไอจากเครื่องของผู้ใช้ และมีการวางแผนสุขภาพให้
“EVER health wallet เป็นตัวเข้าถึงข้อมูลเรา ซึ่งอยู่บนบล็อกเชน Ethereum เป็นระบบ P2P จึงสร้างความสะดวกใจให้กับผู้ใช้ที่ตระหนักเรื่องความเป็นส่วนตัวโดยให้เจ้าของข้อมูลมีอำนาจสูงสุดในการอนุญาตใช้ข้อมูล (Consent) สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA ที่เพิ่งประกาศใช้ รวมถึง GDPR ของยุโรป จึงเป็นมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามโลกได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ของใครหรือประเทศใด”
นายภาณุสิทธิ์กล่าวต่อว่าผู้ให้บริการทางสาธารณสุขใน “ชุมชน” ที่อยู่รอบ ๆ ผู้ใช้งานก็สามารถเข้าร่วมได้ หรือขอพบแพทย์จากต่างประเทศก็ได้ทำให้เกิดเป็นMedical Tourism สอดคล้องกับนโยบาย Medical Hub ของภาครัฐ ซึ่งการจะทำให้เกิดการท่องเที่ยวทางการแพทย์ได้ต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์ที่ดี
ยกตัวกรณีมีชาวต่างชาติอยากผ่าตัดแปลงเพศก็สามารถใช้แพลตฟอร์มค้นหาได้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันต่าง ๆ มากกว่าหมื่นแห่ง มีแพทย์เข้าร่วมกว่า 50,000 คนทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเก่ง และมีชำนาญด้านนี้อยู่แล้ว
“เมื่อเขาเดินทางมาไทยก็จะถือรหัสที่เข้าถึง เฮลท์ วอลเลท มาด้วย แพทย์ไทยเองก็จะขอเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยได้โดยตรง เมื่อผ่าตัดรักษาเสร็จข้อมูลทางสุขภาพต่าง ๆ ก็จะมีการบันทึกส่งขึ้นไปอยู่บนบล็อกเชน เมื่อผู้ป่วยกลับไปพักรักษาที่ประเทศตน ก็ให้แพทย์ที่นั่นเข้าถึงข้อมูลจากเฮลท์ วอลเลทเพื่อดำเนินการรักษาต่อไป”
นายภาณุสิทธิ์ย้ำว่าข้อมูลสุขภาพมีความสำคัญ และมีค่ามาก เช่น ข้อมูลจีโนมโปรไฟล์ เป็นสิ่งที่ควรเก็บไว้กับตนหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ตามที่ตนเองสะดวก
ที่ผ่านมาพบว่าการวิจัยทางการแพทย์มาทำที่ประเทศไทยจำนวนมาก แต่ไม่ได้มีการนำข้อมูลอะไรมาใช้เลยจึงอยากให้การทำวิจัยทางการแพทย์เกิด ด้วยการอนุญาตของเจ้าของข้อมูลที่อยากให้หน่วยวิจัยจึงได้สร้างระบบ EVER health wallet เป็นตัวเชื่อมระหว่างเจ้าของข้อมูลกับข้อมูล ว่าจะอนุญาตให้ฝ่ายวิจัยทางการแพทย์หรือทางการศึกษานำไปใช้หรือไม่
นายแพทย์โฮเซ่ มอเร่ย์ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัทเดียวกันเสริมว่าโจทย์ของเอเวอร์ คือ ต้องการช่วยเหลือให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างครอบคลุม จึงได้เริ่มพัฒนานวัตกรรมทางการเเพทย์เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยเพราะข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ได้ช่วยแค่การรักษา แต่นำไปสู่การพยากรณ์การเจ็บป่วย จากสภาพเเวดล้อมและสภาพร่างกายที่ตรวจวัดได้
สามารถระบุลงไปลึกถึงระดับตัวตนของจีโนม บ่งชี้อาการที่เกิด และหาทางป้องกันล่วงหน้าได้ด้วย แต่การจะใช้ข้อมูลผู้ป่วยที่เก็บไว้ และที่เชื่อมโยงข้อมูลกับโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วโลก ต้องขออนุญาตผู้ป่วยเพื่อนำข้อมูลไปประมวล
“ในอดีตการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์มองว่าศูนย์กลางคือโรงพยาบาล แต่วันนี้แนวคิดของเราคือการคืนความเป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพสู่มือผู้ป่วย เราเริ่มทำเป็นที่เเรกในโลก และจะเริ่มที่ประเทศไทย”
การคืนความเป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพ เป็นแนวคิดที่มาพร้อมกับ Web 3.0 และDecentralized Application (Dapp) กล่าวคือ มีการใช้การเข้ารหัสหรือ “คริปโตกราฟิก” เพื่อระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลบนบล็อกเชน ดังนั้นผู้เดียวที่ถือรหัสเข้าถึงข้อมูลคือเจ้าของข้อมูล การอนุญาต อนุมัติ จะเกิดโดยเจ้าของข้อมูลเอง
“EVER health wallet นำระบบโรงพยาบาลทั้งหมดมาสู่มือผู้ป่วย ทั้งข้อมูลการรักษาการสั่งยา การพบแพทย์ ฯลฯ ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยที่ใช้วิธีระบุตัวตนด้วย Health wallet ทำให้เกิดมาตรฐานการเเลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถานพยาบาลด้วยความปลอดภัยสูงสุด ร้องขอเข้าถึงข้อมูลได้ผ่านแอป EVER ที่ผ่านมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ของไทยแล้ว”
ปัจจุบันแพล็ตฟอร์ม EVER มีผู้ใช้แล้ว 3.6 ล้านคนทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าไว้ว่าจะให้มี 10ล้านคนในระยะอันใกล้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารูปปบบบริการของบริษัท คือการนำเสนอโมเดลการเข้าถึงอนุญาต อนุมัติ ยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยการเข้ารหัส “คริปโตกราฟฟิก”บนบล็อกเชน Ethereum ในเลเยอร์ที่หนึ่ง เพื่อยืนยันความปลอดภัยของตัวตน และในเลเยอร์ที่สอง ข้อมูลทางสุขภาพที่เก็บไว้ในโรงพยาบาลต่างๆ จะมีการนำมาแลกเปลี่ยน และเชื่อมโยงกันได้ เมื่อมีการระบุตัวตนเข้ารหัสจากเลเยอร์ที่หนึ่งแล้ว
โดยสรุปคือ Health wallet เป็นโมเดลที่ล้อไปกับ Crypto Wallet ที่ระบุตัวตนหรือที่อยู่ของเหรียญคริปโตบนบล็อกเชน โดยนำมาดัดแปลงใช้เพื่อระบุตัวตนในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพจากแหล่งต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชั่นกลางที่คอยเเสดงผลให้ผู้ใช้เห็น (Interface) ซึ่งผู้บริหารของ “เอเวอร์ เทคโนโลยี”มองว่าเป็น “มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด” ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ตามหลักของกฎหมาย PDPA และ GDPR