Digital Health Tech รู้จักสุขภาพตัวเองก่อนเจ็บป่วย

เฮลต์เทค
คอลัมน์ : Pawoot.com
ผู้เขียน : ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ที่ผ่านมาจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดบ้านเราขยับขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องระมัดระวังตัวเองมากกว่ายุคก่อน ๆ เมื่อ 10 ปีก่อน เราอาจไม่รู้เรื่องสุขภาพตัวเองมากนัก แต่ยุคนี้ใช้วิธีสังเกตได้ว่า ตัวร้อน หน้าซีด แต่บางครั้ง เมื่อเกิดอะไรไปแล้วมารู้ทีหลังอาจสายเกินไป หรือป่วยไปแล้ว

ผมอยากให้สังเกตตัวเองดี ๆ การสังเกตนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ได้เลย หากติดตามสังเกตได้ว่าแต่ละวันกินอะไรไปบ้าง มากหรือน้อยหรือแพ้อะไรจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วยลงได้

เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูได้ว่าสิ่งที่กินมีส่วนผสมใดบ้าง มีสิ่งใดที่เราแพ้บ้างหรือไม่ ผมใช้แอป MyFitnessPal แอปนี้จะมีฐานข้อมูลอาหารทั้งโลก ที่มีบาร์โค้ดให้สแกนได้ จึงช่วยควบคุมอาหารให้

อย่างแรกต้องกำหนดวัตถุประสงค์ก่อนว่าต้องการเพิ่มหรือลดหรือรักษาน้ำหนัก จากนั้นใส่ข้อมูลน้ำหนัก ส่วนสูง อายุ ระบบจะคำนวณให้เลยว่าต้องกินอาหารวันละกี่แคลอรี

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าวันหนึ่งกินกี่แคลอรี ในแอปจะแบ่งหมวดเป็นมื้อเช้า กลางวัน และเย็น มีปุ่มให้ add อาหารเข้าไปได้ แอปจะบอกเลยว่าคุณควรกินอาหารเท่าใด เช่น เมื่อกรอกข้อมูลว่าดื่มนมไปปริมาตรเท่าใด แอปก็จะบอกเราว่าด้วยปริมาตรนั้นได้แคลเซียมกี่กรัม น้ำตาลกี่กรัม มีโปรตีนหรือไขมันเท่าไร รับกี่แคลอรี หรือบอกได้ว่ามื้อเช้ากินไปกี่แคลอรี วันนี้ยังต้องการอีกเท่าไรบอกได้หมด เพราะแอปเชื่อมกับฐานข้อมูลของผลิตภัณฑ์หรืออาหารนั้น ๆ แล้ว

ข้อดีคือ สแกนอาหารส่วนใหญ่ และบอกได้ว่าโภชนาการเป็นอย่างไร บอกได้ว่าใน 1 วัน กินเกิน-กินขาดเท่าใด เมื่อเรารู้ว่ากินเข้าไปเท่าใด ทราบหรือไม่ว่าเอาออกมาเท่าไร เผาผลาญมากน้อยแค่ไหน การใช้พวก smart watch อย่าง Garmin, Apple Watch, Xiaomi Band ฯลฯ เก็บข้อมูลในการเผาผลาญอาหารได้เพราะอยู่ที่ข้อมือเราตลอดเวลา

นาฬิกาพวกนี้เชื่อมต่อไปที่แอป MyFitnessPal ได้ด้วย เมื่อนาฬิการู้ว่าในวันหนึ่งเผาผลาญไปกี่แคลอรี นอนไปกี่ชั่วโมง ฯลฯ เมื่อเชื่อมข้อมูลกันแล้วจะประมวลผลให้เรารู้ว่าขาดหรือเกินอะไรไปบ้าง นี่คือเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพเราได้

นอกจากนั้น ในเรื่องน้ำหนัก หากอยากรู้ว่าน้ำหนักเป็นอย่างไร ผมแนะนำให้ซื้อเครื่องชั่งดิจิทัลของ Xiaomi เครื่องชั่งนี้เชื่อมต่อกับไวไฟได้ เพียงสมัครสมาชิกกับ Xiaomi แล้ว ทุกครั้งเมื่อเราชั่งน้ำหนักจะบอกมวลร่างกายหรือ BMI ของเราได้เลย และเก็บข้อมูลขึ้นไว้บนคลาวด์ให้ ดูย้อนหลังได้ รวมถึงเก็บข้อมูลสมาชิกในครอบครัวของเราได้อีกด้วย

เมื่อเรารู้ว่าวันหนึ่งกินอะไรไปเท่าใด น้ำหนักเป็นอย่างไร เผาผลาญไปเท่าไหร่ เราจะเริ่มควบคุมสุขภาพได้ดีขึ้น แต่สิ่งที่ผมอยากฝากทุกคนก็คือ นอกจากตัวคุณเองแล้ว การแทร็กข้อมูลสุขภาพของญาติผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุในบ้าน ก็จะช่วยคุณดูแลสุขภาพของท่านเหล่านั้นได้เยอะมาก

บางคนไม่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ ไม่ทราบเลยว่าวันหนึ่ง ๆ ท่านกินอะไรไปบ้าง ทำอะไรไปบ้าง หากลงแอปพลิเคชั่นไว้ หรือมีคนคอยดูแลก็ให้ช่วยลงข้อมูลในแอปไปเลยว่ากินอะไรไปบ้าง เราสามารถดูทางไกลได้เลยว่าคุณพ่อคุณแม่กินอะไรไปมากน้อย มีไขมันมากเกินไปหรือเปล่า ฯลฯ

ดูได้เลยว่าตอนนี้ท่านขึ้นลงเท่าไหร่ หรือให้ใส่พวก smart watch ต่าง ๆ จะรู้ได้ว่าแต่ละวันนอนมากน้อยแค่ไหน การเต้นของหัวใจเป็นอย่างไร แม้กระทั่งการล้ม Apple Watch หรือ smart watch รุ่นใหม่ ๆ เตือนการล้มหรือปริมาณออกซิเจนได้ เรารู้ทั้งหมดได้จากทางไกล

ในแง่การดูแลสุขภาพวันนี้ ไม่ใช่การที่ต้องเจ็บป่วยก่อนถึงไปหาหมอ เรามอนิเตอร์หรือตรวจสอบร่างกายเราได้เลยจากการสังเกต

1.อาหารที่เรากินโดยใช้แอปพลิเคชั่นดูได้

2.การนอนเป็นอย่างไร สุขภาพร่างกายเป็นอย่างไร เผาผลาญอาหารดีหรือไม่ ออกกำลังกายน้อยไปไหม ตรวจสอบได้ด้วยการใส่ smart watch

3.น้ำหนักเป็นอย่างไรบ้าง โดยอาศัยเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิทัลที่เป็นอินเทอร์เน็ต

3 อย่างนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับหลายคนที่สนใจเรื่องสุขภาพ แต่อาจยังใช้วิธีเดิม ๆ ทั้ง 3 อย่างราคารวมกันแค่พันกว่าบาท อยากแนะนำให้คุณลองใช้ดูครับ วิธีการใช้ก็ดูจากยูทูบได้เลยเป็นภาษาไทยด้วย