“วุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์” แนะ สวนทุเรียนใช้ “ขี้หมู” แก้ปุ๋ยแพง

วุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์
สัมภาษณ์ : วุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์

ท่ามกลางวิกฤตปุ๋ยแพง และปริมาณทุเรียนที่เพิ่มมากขึ้น การแข่งขันมีผลต่อราคา ขณะที่เกษตรกรต้องแบกภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า

และยังไม่แน่ใจในอนาคตว่าจะมีการปรับราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ บรรดาเกษตรกรได้หาทางออกเพื่อลดต้นทุนการผลิตจากการพึ่งพาปุ๋ยเคมี 100% แม้แต่เกษตรกรรายใหญ่ได้กลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากภูมิปัญญาดั้งเดิมผสมผสานกับปุ๋ยเคมี

และพบว่าได้ผลผลิตมีคุณภาพดี “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “วุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์” อดีตประธานหอการค้า จ.ตราด 2 วาระ ปัจจุบันเป็นประธานสหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออกจังหวัดตราด จำกัด

และกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะเกษตรกรเจ้าของสวนผลไม้ ที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด มีประสบการณ์การทำสวนมามากกว่า 30 ปี และหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์พร้อมเป็นต้นแบบขยายผลให้เกษตรกรทั่วไป

ประสบการณ์ทำสวน 30 ปี

ผมเรียนจบปริญญาตรี สาขาพืชสวน จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2522 สร้างสมประสบการณ์เรื่อยมาทั้งสวนส้ม สวนปาล์ม ยางพารา และมาถึงปัจจุบันทำสวนทุเรียน เงาะ มังคุด ประมาณ 300-400 ไร่ ที่ จ.ตราด

ส่วนใหญ่เป็นทุเรียน การทำเกษตรกรรม หรือทำสวน ความเหมาะสมตามธรรมชาติ คือ สภาพดิน สภาพภูมิอากาศ และความจำเป็นคือการใช้ปุ๋ย น้ำ ธาตุอาหารเสริม

ส่วนใหญ่ชาวสวนมักให้น้ำ ให้ปุ๋ยเกินความต้องการของพืช เพราะคาดว่าจะให้ผลผลิตได้สูง จากประสบการณ์ดูงานที่อิสราเอล เมื่อ 30 ปีที่แล้วได้นำระบบการให้น้ำที่แม่นยำ ใช้น้ำน้อย เกิดประสิทธิภาพสูงมาใช้ โดยต่อหัวสปริงเกลอร์ติดตั้งกับท่อยาง วางพาดผ่านต้นไม้ระยะสูงจากพื้นดิน 30-40 เซนติเมตร

การติดหัวเหวี่ยงสปริงเกลอร์เหวี่ยงในระยะปลายทรงพุ่มตรงบริเวณปลายรากที่ดูดรับน้ำและปุ๋ย ถ้าเป็นทุเรียนอายุ 5-6 ปี ระยะห่างที่ให้น้ำประมาณ 5-6 เมตร ระบบนี้ช่วยลดปริมาณการสิ้นเปลืองน้ำได้ 2-3 เท่า และช่วยประหยัดปุ๋ย การดูแล ซ่อมแซมสะดวกกว่าการติดตั้งสปริงเกลอร์กับท่อพีวีซีที่ต่อเชื่อมจากท่อใหญ่ที่ฝังในพื้นดิน การรดน้ำต้องให้พอดีที่ต้นไม้นำไปใช้ประโยชน์

น้ำขี้หมูผลดีลดใช้ปุ๋ยเคมี 50%

แรก ๆ ทำสวนใช้เงินซื้อปุ๋ยเคมีหลายแสนบาทต่อปี แต่เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมาเห็นชาวสวนนำขี้หมูมาใช้รดสวนผลไม้ได้ผลดี จึงนำมาใช้บ้าง โดยขี้หมูเป็นปุ๋ยอินทรีย์ใช้ผสมผสานกับปุ๋ยเคมี ต้นไม้เติบโตแข็งแรง ให้ผลดกสม่ำเสมอ

และคุณภาพสมบูรณ์ดีทุกปี ลบความเชื่อเดิม ๆ ของที่ว่า ผลไม้จะดกปีเว้นปี เพราะผลไม้ถ้าแข็งแรงมีความสมบูรณ์สามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพได้มาก ๆ ทุกปี

การทำสวนองค์ประกอบสำคัญ คือ ดิน ต้นไม้เติบโตได้จากการใช้รากดูดธาตุอาหารต่าง ๆ จากดิน แต่เมื่อคนเราใช้ธาตุอาหารในดินมากเกินไป

โดยเฉพาะการปลูกพืชเชิงเดี่ยว หรือการปลูกทุเรียนเกษตรกรหวังผลผลิตเป็นแสนเป็นล้านจึงเร่งใส่ปุ๋ยเคมี ทำให้ธาตุอาหารลดลงอย่างรวดเร็ว ต้องเติมธาตุอาหารบำรุงคือปุ๋ยเคมีชนิดต่าง ๆ ซึ่งมีธาตุอาหารหลัก ๆ แต่ธาตุอื่น ๆ มีไม่ครบตามที่พืชต้องการ

ถ้าใช้ขี้หมูมีธาตุไนโตรเจนสูง ธาตุหลักอื่น ๆ มีน้อยแต่มีธาตุรองครบทุกอย่างเพียงแต่ไม่เข้มข้นเท่าปุ๋ยเคมี ดังนั้นความเหมาะสม โดยใช้ผสมผสานกันไปทั้งปุ๋ยเคมีและอินทรีย์ ลดเคมีให้น้อยลงเปลี่ยนสูตร ใช้ไนโตรเจน และธาตุอาหารรองจากธรรมชาติ

เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปุ๋ยเคมีปัจจุบันที่ราคาแพงขึ้นถึง 2-3 เท่า จากกระสอบละ 500-700 บาท เป็น 1,500-2,000 บาท ปีหนึ่งเราใส่ปุ๋ยเคมี 3-4 ครั้ง และยังใส่ปุ๋ยชีวภาพ ใช้สารเร่งฮอร์โมนอีก ถ้าใช้ปุ๋ยขี้หมูที่เป็นปุ๋ยอินทรีย์ช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีได้ 50% และจะช่วยลดค่าใช้จ่ายปุ๋ยเคมีได้ประมาณ 20-30% ความสำคัญกว่านั้นคือช่วยเสริมธาตุอาหารทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ในระยะยาว

ปุ๋ยอินทรีย์ดันผลผลิตดีทุกปี

ฟาร์มเลี้ยงหมูปัจจุบันเลี้ยงระบบปิด ฟาร์มที่ได้มาตรฐานจะมีกระบวนการล้างทำความสะอาดโรงเรือน สิ่งปฏิกูล ขี้หมู ปัสสาวะจะถูกชะล้างลงท่อไปสู่ “บ่อหมักแก๊ส” ใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน เพื่อให้จุลินทรีย์ย่อยสลายของเสียเป็นน้ำ

และถ่ายเทไว้ในบ่อพักน้ำ นำไปใช้ทางการเกษตรรดต้นไม้ ถ้าอยู่ใกล้ ๆ บ่อพักน้ำติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำต่อท่อไปรดในแปลงได้เลย หลังการเก็บเกี่ยวและตกแต่งกิ่งการเตรียมต้นเพื่อผลผลิตดูกาลต่อไป

เกษตรกรที่ทำผลไม้หลายชนิดและอยู่ในโซนทั่วไป มีเวลาเตรียมต้นประมาณเดือนกรกฎาคม ต้องสร้างความสมบูรณ์ต้น เพื่อกระตุ้นให้สร้างใบ พัฒนาไปสู่การออกดอก ติดผลและการเติบโตของผลไปถึงการเก็บเกี่ยวพฤษภาคม-มิถุนายน

การให้น้ำต้องให้เหมาะสมกับอายุ สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการของพืชที่มีความต้องการน้ำต่างกัน น้ำขี้หมูเป็นปุ๋ยอินทรีย์ใส่ได้ตลอดเวลาเหมือนการรดน้ำต้องดูให้สัมพันธ์กับการให้น้ำ ทุเรียนเป็นพืชที่ต้องการน้ำมากระยะแรก ๆ ที่เตรียมต้นให้ 7-15 วัน/ครั้ง

หรือทุกวันแต่ตอนแตกใบอ่อนก่อนออกดอกต้องลดปริมาณลง และต้องการน้ำมากช่วงพัฒนาการของดอกและการเติบโตของผล จนกระทั่งผลแก่ การใช้ปุ๋ยเคมีใช้ควบคู่ไปตามปกติ 3-4 ครั้ง ปุ๋ยขี้หมูนี้มีผลให้แร่ธาตุในดินอุดมสมบูรณ์ในระยะยาว

ชงรัฐช่วยขนย้าย

จริง ๆ แล้วเกษตรกรชาวสวนรู้ถึงข้อดีน้ำขี้หมูกันมานานแล้ว แต่ติดขัดระบบการบริหารจัดการ 2 เรื่อง คือ ระบบข้อมูลของฟาร์มที่พร้อมให้เกษตรกรได้เข้าถึงนำไปใช้ เพราะปกติเป็นของเสียที่เจ้าของต้องการกำจัดทิ้งอยู่แล้ว ควรมีรายชื่อข้อมูลฟาร์มแจ้งเกษตรกร

และระบบการขนส่งที่สะดวก ประหยัด เพื่อช่วยเกษตรกรรายย่อย เพราะการนำน้ำขี้หมูมารดต้นไม้ในสวนต้องขนย้ายจากฟาร์มมีเครื่องมือเพิ่มขึ้น ต้องใช้รถบรรทุกน้ำไปดูดน้ำมาจากบ่อพักน้ำ ใช้ถังบรรจุขนาดใหญ่ 1,000 ลิตร

เมื่อนำมาใช้ที่สวนต้องมีเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กสูบน้ำจากถังต่อสายยางไปรดที่ต้นไม้ ควรออกแบบเครื่องมือแบบง่าย ๆ ใช้ระบบการขนส่งปลาการนำมาใช้สะดวก ด้วยราคาประหยัด 10,000-20,000 บาท เช่น รถเทรเลอร์บรรทุกถังปุ๋ย 2-3 ถังพ่วงกับรถบรรทุกเล็กอย่างปิกอัพที่ชาวสวนมีใช้กัน

เพื่อความสะดวก และคุ้มค่าในการขนย้ายแต่ละครั้ง ถ้าจังหวัดส่งเสริมให้สถาบันอาชีวะช่วยคิดออกแบบให้สะดวกขึ้น คาดว่าน่าจะขยายผลสู่เกษตรได้ในวงกว้าง สอดคล้องกับการเกษตรกรแบบ BCG เรื่องเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เป็นต้นแบบการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน

ประโยชน์ของปุ๋ยอินทรีย์ที่มีประโยชน์คุ้มค่ากว่าการใช้ปุ๋ยเคมี ท่ามกลางสถานการณ์ที่ปุ๋ยมีราคาแพงและตั้งรับการแข่งขันของตลาดทุเรียนในภายในประเทศและเพื่อนบ้านระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ที่ปริมาณทุเรียนจะออกมามหาศาล