ซันสวีท รุกเทรนด์อาหารสุขภาพ จ่อเปิดตัวสินค้า 5-10 ไอเท็ม ขาย 7-11 ทั่วไทย

นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล
นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล

SUN รุกผลิตอาหารสุขภาพจากพืช 100% จ่อเปิดตัวสินค้าใหม่ 5-10 item เดินหน้า Mini Factory 2 เร่งเพิ่มกำลังการผลิต 180,000-200,000 ชิ้น/วัน เข้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ มั่นใจรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด

นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพจากพืช 100% ประมาณ 5-10 รายการ (item) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคาร Mini Factory 2 เพื่อรองรับความต้องการจากลูกค้าภายในประเทศที่สูงขึ้น

ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตสินค้าพร้อมรับประทาน (ready-to-eat : RTE) ภายใต้แบรนด์ KC วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ปริมาณ 80,000-100,000 ชิ้น/วัน จำนวนกว่า 15 รายการ ได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพทุกเพศทุกวัย คาดว่า Mini Factory 2 จะสามารถตอบโจทย์ในการเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 180,000-200,000 ชิ้น/วัน และสร้างรายได้ตามเป้าหมาย 800-1,000 ล้านบาท/ปี อีกทั้งบริษัทยังมีแผนพัฒนาอายุการเก็บรักษา (shelf life) ผลิตภัณฑ์ เพื่อสอดรับกับความต้องการลูกค้าในต่างประเทศ และเหมาะสมกับการส่งออกในอนาคต

“บริษัทขับเคลื่อนบนยุทธศาสตร์ รับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสภาวะที่เปลี่ยนแปลงในสังคม ให้สอดคล้องกับวิถีใหม่ของโลกในยุค Never Normal Digitalization โดยการปรับโครงสร้างธุรกิจ การบริหารต้นทุน และเดินหน้าเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่เป้าหมายของความยั่งยืน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในทุกส่วนของธุรกิจ

ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับโอกาสทางการตลาดอาหารทั้งในและต่างประเทศที่ขยายตัวและมีอัตราการเติบโตสูง บริษัทจึงวางแผนพัฒนาโครงการที่หลากหลายยิ่งขึ้น และมุ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากพืช 100% ที่มีคุณค่า คุณประโยชน์ ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยเตรียมลงทุนในโครงการสำคัญ ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจ และเพิ่มรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมาย 10-15% ในกลุ่มสินค้าข้าวโพดหวาน (core business) และกลุ่มสินค้าพร้อมทาน (RTE)”

ตอนนี้กำลังเร่ง 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการไร่ตะวันหวาน (Sun Valley) ศูนย์กลางในการวิจัย พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางการเกษตร การพัฒนาสายพันธุ์พืช และเชื่อมโยงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร แบบครบวงจร

2.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและกำลังการผลิต นำเครื่องจักรและระบบควบคุมอัตโนมัติเข้ามา เพื่อช่วยควบคุมกระบวนการผลิตและช่วยให้คุณภาพผลิตภัณฑ์ดีขึ้น อาทิ โครงการเครื่องฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูงแบบต่อเนื่อง (Hydrolock), โครงการเครื่องบรรจุภัณฑ์กระป๋องขนาดใหญ่ระบบอัตโนมัติ (Big Can Packing Automation Line), โครงการ Packing Line กระป๋องขนาดเล็ก แบบ Regular-Slotted Container : RSC เป็นต้น

3.โครงการก่อสร้างอาคาร Mini Factory 2 เพื่อรองรับ demand จากลูกค้าในประเทศสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE) ภายใต้แบรนด์ KC วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ปริมาณ 80,000-100,000 ชิ้น/วัน จำนวนกว่า 15 item ได้รับเสียงตอบรับโดนใจผู้บริโภคที่รักสุขภาพทุก generation โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีกราว 5-10 รายการ ภายในปี 2567 คาดว่า Mini Factory 2 จะสามารถตอบโจทย์ในการเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 180,000-200,000 ชิ้น/วัน และสร้างรายได้ตามเป้าหมาย 800-1,000 ล้านบาท/ปี อีกทั้งบริษัทยังมีแผนพัฒนา shelf life ผลิตภัณฑ์ เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ และเหมาะสมกับการส่งออกในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บริษัทมุ่งสร้างสมดุลในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ตามแนวทาง ESG (Environmental-Social-Governance & Economic : ESG) หรือสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน และเดินหน้าพัฒนาศักยภาพคู่ค้าธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง การสร้างงานสร้างอาชีพ ความมั่นคงทางรายได้ และสร้างความสำเร็จในการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน