“สระแก้ว”เตรียมรับคนไทยจากคาสิโนปอยเปตเดินทางกลับ แถลงพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 1 ราย

วันนี้ (31 มีนาคม 2563) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมสิรินธร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว นายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)จังหวัดสระแก้ว รายที่ 8 และมาตรการรับคนไทยจากกรุงปอยเปต ราชอาณาจักรกัมพูชากลับประเทศ

นายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยถึงกรณีที่มีคนไทยที่ทำงานอยู่ในคาสิโนปอยเปตได้ขอเดินทางกลับประเทศไทยว่า ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสระแก้ว ได้ประชุมหารือถึงเรื่องดังกล่าวไปเมื่อ 30 มีค.63 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วเป็นประธาน ได้ข้อสรุปว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้คนไทยทุกคนมีสิทธิในการเดินทางได้ การที่เขาขอเดินทางกลับสู่ประเทศไทยจึงเป็นความชอบธรรม แม้ว่าจังหวัดสระแก้วจะประกาศปิดจุดผ่านแดนและจุดผ่อนปรนต่างๆไป ต่อมาได้ออกประกาศจังหวัดสระแก้วที่ 850/2563 เรื่อง ผ่อนผันการเดินทางของบุคคลที่มีสัญชาติไทยเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยจะต้องติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกงสุลไทยในประเทศกัมพูชา เพื่อออกหนังสือรับรองและจะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง ซึ่งได้รับการตรวจรับรองหรือออกให้มีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง ซึ่งการเดินทางเข้ามาจึงต้องมีมาตรการรองรับ เช่น การคัดกรองโรคตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และจะต้องลงนามยืนยันในหนังสือถึงการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ ถ้าไม่ทำตามจะมีความผิดและรับโทษตามกฏหมายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวต่อว่า ทางกัมพูชาได้ประกาศให้คาสิโนทุกแห่งในกรุงปอยเปต ราชอาณาจักรกัมพูชา ปิดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 63 ทำให้มีคนไทยที่ทำงานอยู่ต้องการเดินทางกลับไทย วันนี้มีผู้มีหลักฐานพร้อมจะเดินทางวันนี้ประมาณเกือบ 300 คน แต่จากการสำรวจข้อมูลไปคาดว่าน่าจะมีถึงเกือบ 1,000 คน ซึ่งจะเดินทางเข้ามาช่วงเวลาต่างกัน สำหรับกระบวนการคัดกรองถ้าคนไทยที่เดินทางเข้ามามีอาการไข้ก็จะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอรัญประเทศทันที แต่ถ้าไม่มีไข้จะถูกส่งตัวไปยังภูมิลำเนาทันทีและเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน โดยมีทั้งญาติมารับและนายอำเภอพื้นที่นำรถมารับกลับเป็นรถปิคอัพให้นั่งบริเวณกระบะรถและมีหนังสือส่งตัวไปให้ไปรายงานแก่นายอำเภอในพื้นที่ โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่ให้แวะตามรายทางอย่างเด็ดขาด ในส่วนภูมิลำเนาต่างจังหวัดก็ให้ติดต่อให้ญาติมารับไปภายใต้กติกาเดียวกัน ทั้งนี้ผู้ว่าฯ สระแก้วจะทำหนังสือไปยังผู้ว่าฯ จังหวัดที่บุคคลเหล่านี้มีภูมิลำเนาอยู่ เพื่อให้ไปรายงานตัวและตรวจสอบการกักตน 14 วัน

Advertisment

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า วันนี้จังหวัดสระแก้ว พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 สะสมจำนวน 8 คน มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคสะสมทั้งหมด 109 ราย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ 100 ราย และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1 ราย วันนี้มีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 จำนวน 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาอำเภอวังน้ำเย็น อาชีพไม่ชัดเจน อยู่กรุงเทพฯ มีประวัติการเดินทางจากกรุงเทพฯวันที่ 25 มีนาคม 2563 ด้วยรถไฟจากสถานีรถไฟพญาไทถึงสถานีรถไฟสระแก้ว แล้วเดินทางต่อโดยรถตู้โดยสารประจำทาง จากคิวรถทางเข้าตลาดสดสระแก้วถึงอำเภอวังน้ำเย็น เข้าพักอาศัยอยู่บ้าน หมู่ 13 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว จากนั้นวันที่ 26 มีนาคม 2563 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น ด้วยอาการไข้ ไอ มีเสมหะ แพทย์วินิจฉัยหลอดลมส่วนต้นอักเสบเฉียบพลัน ให้ยาและกลับไปกักตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งบิดาได้ทำเพิงพักให้นอนอยู่นอกบ้าน วันต่อมาผู้ป่วยยังคงมีอาการไข้ ไอ หนาวสั่น จนกระทั่งวันที่ 29 มีนาคม 2563 ผู้ป่วยมีอาการไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ได้เดินทางโดยรถจักรยานยนต์พร้อมกับบิดาไปที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น พยาบาลห้องฉุกเฉินได้คัดกรองและแพทย์ได้ตรวจอาการเข้าเกณฑ์วินิจฉัยโรคโควิด-19 ส่งเอ็กซเรย์และเข้าห้องแยกโรคตรวจวินิจฉัย ก่อนที่จะประสานงานระบาดวิทยา เข้าสอบสวนโรค แล้วส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วในเวลาต่อมา อาการปัจจุบัน มีไข้ อาการทั่วไปปกติ

นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาว่าเป็นผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 โรงพยาบาลวังน้ำเย็น ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด พบผู้สัมผัสร่วมบ้าน 4 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสอื่นๆ อีก 3 ราย โดยจะได้เก็บตัวอย่างผู้สัมผัสทั้งหมดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการต่อไป สำหรับมาตรการเร่งด่วนได้ประสานการดำเนินงานไป ได้แก่ 1.ประสานงานไปยังพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามผู้สัมผัส และควบคุมโรคในพื้นที่ 2.โรงพยาบาลวังน้ำเย็นร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอวังน้ำเย็น ลงสอบสวนโรคค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม (ผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 ราย และผู้สัมผัสทั่วไป 3 ราย) 3.ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัด Big cleaning และแจ้งเตือนเฝ้าระวังจุดเสี่ยง สถานที่ที่ผู้ป่วยเดินทางผ่านทุกจุด (สถานีรถไฟสระแก้วถึงท่ารถทางเข้าตลาดสดสระแก้ว-ตลาดเทียนทอง-โรงพยาบาลวังน้ำเย็น-ที่พักผู้ป่วย-บ้านใกล้เคียง)