“จำเริญ” พ่อเมืองนครศรีฯ พี่บ่าวขาลุย ขอ 3 ปี พลิกโฉมเทียบบาหลี

สัมภาษณ์

ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้โอกาสการต่อยอดพัฒนาด้านต่าง ๆ ของจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นมีสูง แต่จะเป็นอย่างไรต่อไป ประชาชาติธุรกิจ มีโอกาสสัมภาษณ์ “จำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา” ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงภาพรวมจังหวัดต่อจากนี้

หลังสิ้นสุดคำถามเรื่องทิศทางการพัฒนา ไอเดียจากพ่อเมืองหลั่งไหลเป็นสายน้ำ ทั้งโครงการที่เริ่มไปแล้ว และเตรียมจะผลักดันตั้งแต่ “บิ๊กโปรเจ็กต์” ทุ่มหมื่นล้านสร้างฟลัดเวย์ ปรับปรุงขนส่งมวลชน ยกระดับรายได้ประชาชนกับไอเดีย “วัวชน-นกกรงหัวจุก” และความมุ่งมั่นที่จะยกระดับเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักอ่าวไทยภายใน 3 ปี

“ผมจะสถาปนานครศรีธรรมราชเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของฝั่งอ่าวไทย ให้ได้ภายใน 3 ปีนี้ จากเดิมที่เคยเป็นเมืองท่องเที่ยวรองมาโดยตลอด นครศรีฯ สามารถพัฒนาให้มีศักยภาพเทียบเคียงได้กับ “บาหลี” เมืองท่องเที่ยวโด่งดังของอินโดนีเซียได้สบาย เรายังมีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมาก พร้อมทั้งศิลปะ วัฒนธรรม พุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ที่สืบทอดมายาวนานกว่าพันปี ด้านอาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์”

ชูความ “เวอร์จิ้น” ค่าครองชีพถูก

ผู้ว่าฯจำเริญกล่าวอีกว่า ต้องเน้นสร้างความรู้ให้ชาวบ้าน เน้นขายความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และธรรมชาติที่ยัง “เวอร์จิ้น” (บริสุทธิ์) ขุนเขาที่ยังอยู่ในสภาพเดิม หรือทะเลที่มีชายหาดทอดตัวยาวกว่ากิโล ที่หลายคนยังไม่เคยเห็น ที่สำคัญค่าครองชีพยังถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวทั่วไป

“ผมยกตัวอย่างเขารามโรมที่เปิดด้วยสโลแกนหยิบหมอกหยอกเมฆ คำนี้ จ๊าบมาก ที่นั่นอุณหภูมิ 15 องศาทั้งปีมีเมฆลอยผ่านหน้า คุณจับเมฆได้ที่ภาคใต้ ไม่ต้องไปถึงเมืองเหนือ เเต่ยังไม่ได้โปรโมตเพื่อการท่องเที่ยวมากนัก อีกแห่งคือ กรุงชิง ที่ยังมีน้ำตกที่ไม่ถูกค้นพบจำนวนมาก”

โดยกลุ่มเป้าหมายต้องการ “เชิงคุณภาพ” ที่อนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่อยากได้กลุ่มแมสที่ได้แค่ปริมาณอย่างเดียว เราต้องการให้ชาวบ้านได้รายได้จากการท่องเที่ยวจริง ๆ ที่ไม่ใช่ว่าพอเปิดการท่องเที่ยวทุกอย่างตกไปอยู่กับกลุ่มทุน ซึ่งเข้าใจว่าห้ามไม่ได้ แต่ท้องถิ่นต้องปรับตัว และเข้าใจโอกาสและศักยภาพของตัวเองด้วย

ไฮไลต์ที่สำคัญ คือผลไม้ ได้แก่ “ส้มโอทับทิมสยาม” ที่ปัจจุบันราคาพุ่งลูกละ 600 บาท วันนี้เตรียมทำให้เป็นเกษตรแปลงใหญ่ และมังคุดภูเขา อ.ลานสกา อายุ 400 ปี มีอยู่เพียง 40 ต้นในโลก ปีหนึ่งออกผลไม่ถึง 1,000 ลูก ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 300 บาท/กก. ได้รับออร์เดอร์ไปเมืองจีนและญี่ปุ่นทั้งหมด

บูม “นครศรีดี๊ดี”

สำหรับปี พ.ศ. 2560 ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ร้อยละ 10 ดันยอดแตะ 4 ล้านคน ซึ่งจะเจาะกลุ่มไทยเป็นหลัก ส่วนกลุ่มยุโรปกับจีนนั้น ทางจังหวัดกำลังวางแผนจะไปทำตลาดที่เมืองเฉิงตู พร้อมการผลักดันแคมเปญ “นครศรีดี๊ดี” ที่ทำต่อเนื่องมา 4 ปีให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ปี 2559 จังหวัดนครศรีธรรมราชมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนประมาณ 3.2 ล้านคน สร้างรายได้เข้าจังหวัดประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 14 และมีอัตราการเข้าพักร้อยละ 57.60 ในที่นี้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวซ้ำอีกถึงร้อยละ 48

“มูลค่าการท่องเที่ยวปีที่แล้ว 1.4 หมื่นล้าน ปีนี้จะทำให้โตอีกร้อยละ 10 โดยช่วงสองสามปีที่ผ่านมามีแนวโน้มดีขึ้น หลายคนสงสัยว่าช่วงน้ำท่วมได้รับผลกระทบหรือไม่ ก็ได้รับผลกระทบพอสมควร แต่ตอนนี้นครศรีฯฟื้นตัวแล้ว พร้อมพัฒนา” นายจำเริญระบุ

ทุ่มหมื่นล้านสร้างฟลัดเวย์

พ่อเมืองนครศรีฯกล่าวอีกว่า ตอนนี้กำลังเปิดเส้นทางด้านตะวันออกเชื่อมต่ออำเภอขนอม มาออกอำเภอสิชล ซึ่งจะช่วยย่นระยะทางไปได้หลายสิบกิโลเมตร เมื่อเทียบกับเส้นทางปกติ หรือจากด้านท่าเรือขนอมวิ่งไปเกาะสมุย จะใกล้กว่าเส้นทางของจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาก ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง โดยมีการทุ่มงบประมาณไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ด้านความปลอดภัยปีนี้มีการเพิ่มงบประมาณเพื่อติดตั้งกล้องซีซีทีวีอีก 200 ล้านบาท ให้เชื่อมโยงทุกอำเภอ

อีกหนึ่งที่ละเลยไม่ได้ เมื่อตัดสินใจจะเปิดจังหวัดให้เป็นเมืองท่องเที่ยว คือ ระบบขนส่งมวลชนต้องได้มาตรฐาน โดยทางจังหวัดจะมีการจัดระเบียบรถประจำทาง เพิ่มเส้นทางให้ครอบคลุมและให้บริการรถแท็กซี่ในเมืองเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงระบบน้ำ และระบบเส้นทาง โดยจะเพิ่มเส้นทางใหม่วงแหวนรอบนอก ให้สำเร็จภายใน 5 ปี

“นครศรีฯกำลังจะทำฟลัดเวย์ระบบป้องกันน้ำท่วมเมืองใน 5 ปีนี้ด้วย เพื่อป้องกันน้ำท่วมซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยใช้งบประมาณปี 2561 จำนวนกว่า 9,580 ล้านบาท” นายจำเริญกล่าว

ชวนเด็กแว้นเลี้ยง “วัวชน”

ขณะที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดำเนินไป สิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่ คือ เรื่องสังคม เรื่องนี้ผู้ว่าฯจำเริญบอกว่า ต้องดึงเด็กเยาวชนหันมาเลี้ยงวัวชน ที่ราคาบางตัวเป็นล้านบาท นอกจากเป็นวิถีชาวบ้าน ในแง่เศรษฐกิจยังสร้างรายได้ให้เยาวชน อย่างเด็กแว้นทั้งหลาย แทนที่จะไปติดยา ให้หันมาตัดหญ้าให้วัว ขายวัวชนดีกว่า โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ได้เรียนหนังสือสูงนั้นไม่ใช่ว่าชีวิตเขาจะจบสิ้น เขายังมีทางเลือก แต่ต้องหนักเอาเบาสู้ เราจับมาทำมาร์เก็ตติ้ง เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้ท้องถิ่น

นอกจากนี้ พ่อเมืองนครศรีฯ ยังมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่กำลังคิดร่วมกับทีมงาน คือการจัดงานการแข่งขัน “นกกรงหัวจุก” ให้ยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยจะปิดถนนทั้งสายให้เดินดูนก มีอุปกรณ์ทุกอย่างตั้งแต่การตกแต่ง การเลี้ยงดู อาหาร ซึ่งเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ทั้งสิ้น

“เราต้องเตรียมคนบ้านเราให้มีความพร้อม เดินไปคู่กันกับการเปิดท่องเที่ยว ให้ประชาชนตื่นตัวและรับรู้รับทราบ เรียนรู้ไปด้วยกัน ต้องมีผู้นำที่เข้มแข็งเเละทำจริง โดยรัฐมีหน้าที่ให้คำแนะนำ ชี้แนะสนับสนุน แต่สุดท้ายชาวบ้านต้องตัดสินใจเลือกเองว่าพวกเขาจะอยากพัฒนาบ้านของตัวเองไปในทิศทางใด”