เดอะมอลล์บุกค้าปลีกความงาม ปั้น “บิวตี้เพลย์กราวด์” เจาะตลาด 199 บาท

“เดอะมอลล์” เปิดแนวรบใหม่ “บิวตี้ เพลย์กราวด์” ระดม 500 แบรนด์ ราคาเริ่มต้น 199 เขย่าร้านมัลติแบรนด์ความงาม ปักธงสาขาแรกบางกะปิ ก่อนหาโลเกชั่นใจกลางเมืองผุดเพิ่มอีกสาขาในสิ้นปี ก่อนเล็งสยายปีกโตนอกห้าง หวังเพิ่มฐานลูกค้าวัยรุ่น เสริมทัพรายได้เคาน์เตอร์แบรนด์

ร้านค้าปลีกความงามมีการเติบโตไม่หยุด ไม่เพียงเป็นช่องทางของแบรนด์ขนาดย่อมหรือแบรนด์นำเข้าที่ต้องการเข้ามาเป็นทางเลือก แต่แบรนด์ดัง เคาน์เตอร์แบรนด์ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธช่องทางขายนี้ได้

ความเคลื่อนไหวล่าสุด กลุ่มเดอะมอลล์ได้แตกแบรนด์ร้านค้าปลีกความงามขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกให้ตลาดและรับเทรนด์ที่ขยายตัวร้อนแรงนี้

นางสาวณัฐธิดา ชุติเชาวน์กุล ผู้จัดการทั่วไปบริหารสินค้า A2 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเติบโตของตลาดเครื่องสำอางระดับแมส และร้านที่ขายสินค้าความงามแบบมัลติแบรนด์ มีศักยภาพการเติบโตที่สูงกว่าเซ็กเมนต์อื่น ๆ เนื่องจากราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย มีฐานผู้บริโภคจำนวนมาก และยังเป็นแหล่งที่รวมแบรนด์เอาไว้หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการช็อปแบบวันสต็อปเซอร์วิสบริษัท

จึงได้พัฒนาร้าน “บิวตี้ อันเดอร์กราวด์” ซึ่งเป็นรูปแบบของร้านมัลติแบรนด์ความงาม ที่รวมเครื่องสำอางสกินแคร์ เพอร์ซันนอลแคร์ น้ำหอม ฯลฯ เอาไว้กว่า 500 แบรนด์ เน้นราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้นตั้งแต่ 199 บาท ไปจนถึง 1,000 บาทเพื่อขยายฐานลูกค้าวัยรุ่น 18-25 ปี ซึ่งยังเป็นตลาดที่เดอะมอลล์ยังไม่ได้เข้าไปจับมากนัก เพื่อต่อยอดจากกลุ่มเคาน์เตอร์แบรนด์โดยสาขาแรกจะตั้งอยู่ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ก่อนที่จะขยายเพิ่มอีก 1 สาขาภายในสิ้นปี เบื้องต้นมองโลเกชั่นใจกลางเมืองเอาไว้

และยังมองถึงการนำโมเดลร้านดังกล่าวออกไปขยายนอกห้างในอนาคต เช่นเดียวกับกูรเมต์มาร์เก็ต และเพาเวอร์มอลล์ เพื่อรับกับโอกาสที่มีอยู่ เพราะราคาของสินค้าถือว่าไม่แพงมาก สามารถเข้าถึงกำลังซื้อได้อย่างหลากหลาย

ทั้งนี้ การจัดทำโปรโมชั่นของร้านดังกล่าว หมุนเวียนกันไปตามสินค้า โดยลูกค้าที่เข้ามาในร้านจะพบกับสินค้าราคาพิเศษทุกวัน ตลอดจนการนำเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ อาทิ วิลเลจ 11 แฟคทอรี่, ซาน ออง โพรวองซ์, บลองซ์ คัลเลอร์ ที่เครือของเดอะมอลล์เป็นผู้นำเข้า รวมถึงโซซุงอา บิวตี้ แบรนด์จากเกาหลี ซึ่งนำเข้ามาในไทยเป็นครั้งแรก

พร้อมกับโซนที่เปิดให้ลูกค้าได้เข้ามาทดลองเล่นกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างอิสระ เพื่อสร้างจุดต่างจากร้านอื่นและเป็นแม็กเนตดึงความสนใจ รวมถึงจุดแข็งอย่างเอ็มการ์ด การสะสมแต้ม และใช้สร้างการรับรู้ โดยคาดว่าในปีแรกของการเปิดร้านบิวตี้ เพลย์กราวด์ จะสามารถทำรายได้ 100 ล้านบาท

สำหรับแผนกบิวตี้ฮอล ที่เป็นเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์นั้น ในปีนี้จะนำแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 8 แบรนด์ อาทิ น้ำหอม และเมกอัพ ตลอดจนการทำแคมเปญ โปรโมชั่น การเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องทุกเดือนและจะเพิ่มการสื่อสารไปในช่องทางออนไลน์ อาทิ เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อินสตาแกรม เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและไลน์ ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตบิวตี้ฮอล 7% หรือ 6,500 ล้านบาท