ธุรกิจเฮ รับอานิสงส์ พิธีอภิเษกสมรส “แฮร์รี่-เมแกน”

คอลัมน์ Market Move

ช่วงเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้ว ยังมีเหตุการณ์สำคัญอีกหนึ่งรายการ นั่นคือ พิธีอภิเษกสมรสระหว่าง “เจ้าชายแฮร์รี่” พระโอรสพระองค์เล็กในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์และไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ กับพระคู่หมั้น “เมแกน มาร์เคิล” นักแสดงสาวชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นที่จับตาของผู้คนทั่วโลก ทั้งในฐานะงานพิธีของราชวงศ์และผู้นำเทรนด์ที่ทรงอิทธิพลต่อวงการธุรกิจ ทั้งแฟชั่น เครื่องประดับ อาหาร และอื่น ๆ

สำนักข่าว “เอพี” รายงานว่า ช่วงที่พิธีอภิเษกสมรสระหว่าง “เจ้าชายแฮร์รี่” กับพระคู่หมั้น “เมแกน มาร์เคิล” ใกล้เข้ามานี้ อิทธิพลของพิธีนี้ต่อธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ แฟชั่น เครื่องประดับ และอื่น ๆ เริ่มเพิ่มสูงขึ้นตามความสนใจของชาวอังกฤษที่ต้องการเลียนแบบแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ของว่าที่เจ้าสาวคนล่าสุดของราชวงศ์อังกฤษ

โดย “แบรนด์ ไฟแนนซ์” บริษัทวิจัยตลาดซึ่งเชี่ยวชาญด้านประเมินอิทธิพลทางการตลาดของราชวงศ์อังกฤษคาดการณ์ว่า ความสนใจของชาวอังกฤษต่อ “เมแกน มาร์เคิล” จะสร้างเม็ดเงินให้ระบบเศรษฐกิจกว่า 150 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 6.7 พันล้านบาท ส่วนพิธีอภิเษกสมรสในวันที่ 19 พ.ค.จะสร้างเม็ดเงินมหาศาลถึง 1 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 4.47 หมื่นล้านบาท ในธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่แฟชั่น, จัดดอกไม้, อาหาร, เครื่องประดับ ไปจนถึงท่องเที่ยว

ซึ่งชาวอเมริกันและประเทศในเครือจักรภพจำนวนมากจะเดินทางมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานประวัติศาสตร์นี้

โดยนอกจากชาวอเมริกันที่ชื่นชอบเรื่องราวสไตล์ซินเดอเรลลานี้แล้ว ประเทศอื่นที่ยังมีราชวงศ์อยู่ อาทิ ญี่ปุ่น ต่างให้ความสนใจกับพิธีนี้เช่นเดียวกัน

“แม้ราชวงศ์อังกฤษจะไม่ได้โฆษณาสินค้าใด ๆ โดยตรง แต่ด้วยฐานะทางสังคมจึงมีอิทธิพลสูงในด้านผู้นำเทรนด์เพราะสินค้าที่ใช้หรือสวมใส่ต่างได้รับความสนใจจากสื่อและผู้บริโภคโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นยุคสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียริเริ่มประเพณีตกแต่งต้นคริสต์มาสหรืออิทธิพลด้านแฟชั่นของเจ้าหญิงไดอาน่า”

การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับประสบการณ์ของ “โบจานา เซนทาเลอร์” แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวแคนาดา ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเสื้อโค้ตให้กับเมแกนมาร์เคิล เปิดเผยว่า หลังภาพว่าที่เจ้าสาวสวมเสื้อโค้ตตัวดังกล่าวเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน คำสั่งซื้อก็หลั่งไหลเข้ามาจนสินค้าหมดสต๊อกแทบจะในทันที รวมถึงยังช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าอื่น ๆ ในร้านไปพร้อมกันด้วย

ขณะเดียวกันนักการตลาดหลายรายมองว่า พิธีอภิเษกสมรสครั้งนี้จะส่งผลบวกในเชิงธุรกิจสูงกว่าพิธีของ “เคท มิดเดิลตัน” กับ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” เมื่อ 7 ปีก่อนเสียอีก เนื่องจากฝั่งเจ้าสาวเป็นนักแสดงฮอลลีวูดมีบทบาทจากซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง “สูท” (Suit) ต่อเนื่องถึง 7 ปี จึงมีฐานแฟน รวมถึงเป็นที่รู้จักของสื่อและสาธารณชนในวงกว้างอยู่แล้ว นอกจากนี้

ความแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์กยังช่วยขยายอิทธิพลด้านการนำเทรนด์ของราชวงศ์ เนื่องจากทั้งผู้บริโภคและแบรนด์สามารถติดตามหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ปรากฏในภาพหรือข่าวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีเว็บไซต์เฉพาะทางอย่าง “whatmeghan-wore.net” ที่คอยเกาะติดแฟชั่นของเมแกน มาร์เคิล พร้อมระบุแบรนด์และรุ่นของเสื้อผ้า-กระเป๋า-รองเท้าที่ใส่ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

“ซูซาน เคนลี่” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ whatmeghanwore.net กล่าวว่า การเป็นดาราฮอลลีวูดทำให้เมแกนเข้าใจอิทธิพลของตนต่อสื่อและแบรนด์เป็นอย่างดี เห็นได้จากความพยายามเลือกใช้เสื้อผ้า-เครื่องประดับจากดีไซเนอร์แบรนด์อย่างต่อเนื่อง มากกว่าจะเป็นแบรนด์หรูไฮเอนด์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของอังกฤษได้ดี พร้อมสะท้อนถึงแนวทางปฏิบัติด้านการกุศลของราชวงศ์

แน่นอนว่า แม้พิธีอภิเษกสมรสจะผ่านไปแล้ว แต่ปรากฏการณ์นี้จะดำเนินต่อไป โดยเมื่อ 5 ปีก่อนภาพเจ้าชายจอร์จที่ปรากฏบนสื่อเพียง 45 วินาที ก็ทำให้ผ้าห่อตัวทารกของ “อาเดน พลัส อนาอิส” (aden + anais) มีลูกค้ามาสั่งซื้อถึง 7,000 ชิ้นในเวลาเพียง 9 วัน หรือเพิ่มขึ้น 600% เทียบกับช่วงปกติ

ดังนั้นต้องรอดูกันว่าในงานพิธีอภิเษกสมรสเดือนหน้าจะมีแบรนด์ใดได้อานิสงส์กันบ้าง