อากาศร้อนทะลุปรอท ตลาดแอร์ 3.4 หมื่นล้านคึกคัก-ขายดี ตั้งแต่ต้นฤดู ทุกค่ายทยอยส่งสินค้าใหม่ เทรนด์แอร์ประหยัดไฟ-ราคาต่ำกว่า 1.6 หมื่นบาทมาแรง โปรฯแรงแจกทอง คืนวอลเลต ลดราคา ผ่อนนาน 0% จับตาแอร์จีน “กรี-ไมเดีย” ทุ่มโฆษณา-ชูพรีเซ็นเตอร์สร้างการรับรู้ คาดตลาดรวมโต 20%
นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2567 นี้ตลาดแอร์จะมีมูลค่าถึง 34,327 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปี 2566 ซึ่งมีมูลค่า 28,606 ล้านบาท และนับเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังตลาดแอร์หดตัว 3 ปีซ้อน (2563-2565) โดยแอร์ที่สามารถประหยัดไฟได้มากจะได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากเป็นพิเศษ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวมีปัจจัยหลัก ๆ มาจากสภาพอากาศที่อาจร้อนจัดทะลุ 45 องศาเซลเซียส ค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงกว่า 4.6 บาทต่อหน่วย รวมถึงการโหมโปรโมตฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ของ กฟผ. ทำให้ผู้บริโภครับรู้เรื่องความต่างด้านค่าไฟของแอร์เก่าที่ตนใช้มานานหลายปีกับแอร์รุ่นใหม่ได้มากขึ้น
คาดว่าปัจจัยเหล่านี้ต่างมากระตุ้นให้เกิดความต้องการ ทั้งการซื้อแอร์เครื่องแรก หรือเพิ่มเครื่องที่ 2-3 เพื่อรับมือความร้อนในส่วนต่าง ๆ ของที่พักอาศัย และการซื้อเปลี่ยนแทนเครื่องเดิม เพื่อเพิ่มความประหยัดรับมือค่าไฟ
ตลาดคึกคักตั้งแต่ไก่โห่
ผู้บริหารแอลจีฯ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ดีลเลอร์หลายรายรายงานว่าบรรยากาศการขายเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้บริโภคเข้ามาสอบถาม-ซื้อหาแอร์เป็นจำนวนมาก ทำให้หลายแห่งระดมช่างแอร์เพิ่มเพื่อรองรับดีมานด์การติดตั้งที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้แม้จะเป็นช่วงเริ่มเข้าหน้าร้อน แต่ช่างแอร์บางรายต้องรับงานติดตั้งแอร์ถึงวันละ 5-6 ตัว และบางพื้นที่ก็เริ่มมีคิวการติดตั้งล้นแล้ว
ขณะเดียวกัน ดีลเลอร์หลายรายคาดว่าปีนี้ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนมากและร้อนยาว มีความเป็นไปได้ที่ดีมานด์จะมีมากขึ้น และทำให้มีโอกาสการขายยาวไปจนเดือนมิถุนายน หรือมีหน้าขายเพิ่มอีกประมาณ 1 เดือน จากปกติที่สิ้นสุดแค่เดือนพฤษภาคม
ส่วนแนวทางการทำตลาดของแอลจี หลัก ๆ จะเน้นการชูฟังก์ชั่นการประหยัดไฟด้วยระบบ AI ในชื่อ kW Manager ที่จะช่วยวางแผนการใช้งานแอร์โดยอัตโนมัติ รวมถึงส่งแอร์ใหม่ 5 ซีรีย์ลงตลาด โดยมีรุ่นเรือธง Dualcool Elite ซึ่งดึงมาเปิดตัวในไทยเป็นประเทศแรกของโลก และได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ในระดับ 5 ดาว พร้อมกับรองรับฟังก์ชั่น kW Manager และระบบเพิ่มอุณหภูมิ-ปิดเครื่องอัตโนมัติ เมื่อไม่มีคนในห้องอีกด้วย ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 3,380-3,640 ล้านบาท หรือเติบโต 30-40% จากปีที่ผ่านมา
จับตาแอร์จีนขย่มหนัก
นายวรุตม์ เลขะจิระกุล ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวในเรื่องนี้ว่า นอกจากแอร์ที่มีฟังก์ชั่นประหยัดไฟแล้ว คาดว่ากลุ่มแอร์ราคาถูก เช่น แอร์อินเวอร์เตอร์ ขนาด 1.2 หมื่นบีทียู ราคาต่ำกว่า 1.6 หมื่นบาท ซึ่งมีสัดส่วนถึง 45% ของตลาดรวม จะเป็นอีกกลุ่มที่จะมีดีมานด์สูงและมีการแข่งขันคึกคัก ส่วนหนึ่งมาจากที่ผ่านมามีแอร์แบรนด์จีนรายใหม่ ๆ เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย และส่งสินค้าราคาถูกเข้าสู่ตลาดผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเศรษฐกิจ-กำลังซื้อที่มีปัญหา ทำให้ผู้บริโภคทั้งระดับแมสและระดับกลางระมัดระวังการจับจ่าย จึงหันมาสนใจแอร์ราคาถูกมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้โอกาสนี้และจังหวะที่กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ท่องเที่ยว และค้าปลีกมีความต้องการแอร์ สำหรับแผนการขยายสาขา-โครงการใหม่ รวมถึงรีโนเวตสถานที่เพื่อรองรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยจะทุ่มงบฯการตลาด 150 ล้านบาท โดยจะมีไลน์อัพแอร์ใหม่ เป็นแอร์แบบติดผนังรุ่นใหม่ 5 รุ่น ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ อาทิ รุ่นเริ่มต้นอย่าง KQ Star Series ที่มาพร้อมฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบ 1 ดาว ไปจนถึงรุ่นไฮไลต์ KZ Star Series ที่มีค่า SEER สูงสุด 26.50
ขณะที่รุ่นอื่น ๆ ทุกรุ่นมีค่า SEER หรือค่าประสิทธิภาพพลังงานที่อยู่สูงกว่าเกณฑ์ทั่วไป ร่วมกับยุทธศาสตร์การวางโพซิชั่นแบรนด์ให้เป็นพันธมิตรสำหรับช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถบรรลุเป้า ESG ได้ง่ายขึ้น จากความสามารถด้านการประหยัดไฟของแอร์ไดกิ้น โดยวางเป้าหมายเติบโตในอัตราสูงกว่าตลาด และชิงส่วนแบ่งตลาดแอร์เพิ่มจาก 16-17% ในปัจจุบัน เป็น 20%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจตลาดพบว่าปัจจุบันมีแอร์แบรนด์จีนจำนวนมากที่เข้ามาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น กรี, ไฮเออร์, แคนดี้, ไมเดีย, ไฮเซ่นส์ ฯลฯ และขณะนี้ได้เริ่มมีการทุ่มทำตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ และทยอยจัดโปรโมชั่นเพื่อสร้างยอดขาย จากก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวในการทำตลาดมากนัก เช่น กรี ที่มีการโฆษณาในระบบรถไฟฟ้า MRT โปรโมตแอร์ GREE Luxuri Series แอร์อินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ พร้อมเดินสายออกบูทในงานอีเวนต์ เช่น งาน Home & Furniture Expo เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ส่วน ไมเดีย เปิดตัว “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อชูจุดเด่นด้านความทนทานของแอร์ และรับประกันฟรีค่าแรง 5 ปี รับประกันตัวเครื่อง 5 ปี คอมเพรสเซอร์ 10 ปี รวมถึงโปรโมชั่น ซื้อแอร์ไมเดียรุ่น mPro Easy ขนาด 12,000 และ 18,000 BTU แถมเครื่องทำน้ำอุ่น รุ่น DSK45Q มูลค่า 3,365 บาท เป็นต้น
สาดโปรฯแรงสารพัดรูปแบบ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากภาพการทยอยเปิดตัวแอร์รุ่นใหม่ รวมถึงพรีเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับหน้าขายสำคัญแล้ว อีกด้านหนึ่งก็ร่วมมือกับช่องทางจำหน่ายจัดโปรโมชั่นที่หลากหลายรูปแบบ เช่น แคร์เรียร์ จัดแคมเปญ “รวยรับร้อนแบบไม่ต้องลุ้น” แจกการ์ดทองคำแท้ 96.5% หนัก 1 กรัม เมื่อซื้อแอร์รุ่น X Inverter Plus สีดำรุ่น 42TVAB013A-B-I, 42TVAB018-B-I และ 42TVAB028A-B-I (จำกัดจำนวน 2,000 สิทธิแรก)
ด้าน ไดกิ้น จัดแคมเปญ “ไดกิ้น คุ้มดีมีคืน” ซื้อแอร์รุ่นที่ร่วมรายการ (15 ก.พ.-31 พ.ค. 2567) คืนวอลเลตให้สูงสุด 3,200 บาท สามารถนำไปใช้ในร้านค้า-ร้านอาหาร-ปั๊มน้ำมันได้ 21 ร้าน อาทิ เซ็นทรัล, บิ๊กซี, สตาร์บัคส์, ลาซาด้า, ช้อปปี้, ปั๊มบางจาก ฯลฯ
เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของเพาเวอร์มอลล์ จัดแคมเปญโปรดับร้อน คุ้ม 5 ต่อ เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการลดสูงสุด 50% เมื่อซื้อแอร์หรือตู้เย็นลดเพิ่มสูงสุด 6 พันบาท หรือแลกคะแนน M Card เท่ายอดซื้อลดเพิ่ม 20% ผ่อน 0% นาน 24 เดือน ติดตั้งฟรี พร้อมรางครอบท่อมูลค่า 4 พันบาท และฟรีคูปองล้างแอร์ 1 ครั้ง มูลค่า 600 บาท
ส่วน เพาเวอร์บาย จัดแคมเปญ Summer Festival ตั้งแต่ 1-31 มีนาคม 2567 นำแอร์มาจัดราคาพิเศษบีทียูละ 1 บาท และซื้อแอร์รุ่นที่ร่วมรายการ 1 เครื่อง ลดเพิ่ม 10% 2-3 เครื่องลดเพิ่ม 15% และซื้อ 4 เครื่องขึ้นไปลดเพิ่ม 20% และเมื่อซื้อแอร์ที่ร่วมรายการแถมคูปองล้างแอร์ฟรีมูลค่า 1.8 พันบาท และซื้อแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ 5 ดาว รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3 หมื่นบาท และผ่อน 0% นานสูงสุด 15 เดือน
ขณะที่ โฮมโปร จัด Summer Sale Summer Time สินค้าที่ร่วมรายการลดสูงสุด 60% รับเครดิตเงินคืน 2 พันบาท เมื่อช็อปตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป และผ่อน 0% นาน 10 เดือน เมื่อซื้อตั้งแต่ 5 พันบาทขึ้นไป พร้อมกับนโยบายส่งติดตั้งภายในวันเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าและชำระเงินก่อนเวลา 16.00 น. ค่าบริการ Sameday Delivery สูงสุด 200 บาทเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล
