ตลาด “กาแฟ” ร้อนฉ่า ! “เนสกาแฟ” ลุยทุกโมเดล

คอลัมน์ จับกระแสตลาด

ปัจจุบันตลาดการบริโภคกาแฟนอกบ้านมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 26,700 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 8% ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่น่าจับตามอง รวมทั้งการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งผู้เล่นรายเก่า-รายใหม่ต่างพลิกเกมกลยุทธ์ทำการตลาดกาแฟในไทยเพื่อมัดใจผู้บริโภค

จากความนิยมดื่มกาแฟนอกบ้านของผู้บริโภค ส่งผลให้ “เนสกาแฟ” แบรนด์กาแฟรายใหญ่ของตลาดได้เดินหน้าปรับกลยุทธ์บุกตลาดร้านกาแฟนอกบ้านอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทั้งตลาด ทั้งร้านเนสกาแฟฮับ ประเดิมสาขาแรกในทำเลสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม ร่วมมือกับบิ๊กซีเปิดตัว “คาเฟ่ในไฮเปอร์มาร์เก็ต” จำหน่ายกาแฟในราคาเริ่มต้นแก้วละ 10 บาท พร้อมชูเนสกาแฟ “ดอลเช่ กุสโต้” เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ และแคปซูลกาแฟ ถือว่าเป็นการพลิกโฉมเกมการทำตลาดกาแฟให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดแมสเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

“แวลดดิสลาฟ อังดรีฟ” ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดกาแฟทุกเซ็กเมนต์มีมูลค่า 64,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นตลาดกาแฟในบ้าน 59% และกาแฟนอกบ้าน 41% คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมมาทานกาแฟนอกบ้านมากขึ้น

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เนสกาแฟเร่งปรับตัวตามเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ โดยนำเทคโนโลยีเอ็มอาร์ซีมาใช้ในเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และเนสกาแฟ เรดคัพ ผสมกาแฟคั่วบดละเอียด รวมทั้งยังได้นำผลิตภัณฑ์ กาแฟโกลด์ กาแฟปรุงสำเร็จพรีเมี่ยม และเนสกาแฟกระป๋อง แบล็ค ไอซ์ ให้พลังงาน 50 กิโลแคลอรี เข้ามาตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในปัจจุบันรวมทั้งอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ยังถือว่าน้อยมาก โดยคนไทยมีการดื่มกาแฟอยู่ที่ 300 แก้วต่อคนต่อปี เปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น 400 แก้วต่อคนต่อปี แต่เชื่อมั่นว่าในอนาคตอัตราการดื่มกาแฟของคนไทยยังสามารถเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโอกาสในการขยายตลาดกาแฟ เช่น ออกโปรดักต์และปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ ซึ่งเนสกาแฟก็มีความพร้อมที่จะผลักดันให้ตลาดกาแฟสำเร็จรูปมีอัตราเติบโตขึ้น และครองความเป็นผู้นำของตลาดไว้ให้ได้ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ตลาดกาแฟมีการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กรายใหญ่ ต่างมุ่งหน้าทำการตลาดอย่างหนัก และตลาดกาแฟถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ดังนั้น หากต้องการสร้างการเติบโตนั้นต้องมองว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และพัฒนาแบรนด์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ทิศทางจากนี้ไปของ “เนสกาแฟ” เดินหน้ากลยุทธ์ขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต ด้วยการรุกตลาดการดื่มกาแฟนอกบ้าน ซึ่งพบว่าปัจจุบันเทรนด์การบริโภคนอกบ้าน เช่น ซื้อกาแฟพร้อมดื่มตามร้านสะดวกซื้อ มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ทำให้ต้องเร่งบุกตลาดกาแฟพร้อมดื่ม ประเดิมแห่งแรกด้วยการเปิดตัว “เนสกาแฟ ฮับ แอท” บีทีเอส ชิดลม เจาะกลุ่มคนเมือง และรุกตลาดพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้น เพราะเป็นตลาดที่น่าสนใจ และมีอัตราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ เนสกาแฟได้ร่วมกับบิ๊กซีเปิดตัว “คาเฟ่ในไฮเปอร์มาร์เก็ต” เพื่อส่งเสริมสินค้าในหมวดกาแฟเติบโตขึ้น และอยากให้ผู้บริโภคได้ทดลองสินค้าที่จุดขายมากขึ้น โดยผู้บริโภคสามารถสั่งเมนูกาแฟทั้งร้อนและเย็นจากผลิตภัณฑ์เนสกาแฟหลากหลายชนิด ในราคาเริ่มต้นแก้วละ 10 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

ล่าสุดได้ฉลองครบรอบ 45 ปี เปิดตัวแคมเปญ “เนสกาแฟ เชื่อมทุกความผูกพัน” พร้อมตอกย้ำความสำเร็จในตำแหน่งแบรนด์กาแฟอันดับหนึ่งของไทย โดยทุ่มงบประมาณ 800 ล้านบาท จัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างครบวงจร ได้แก่ ภาพยนตร์โฆษณา มิวสิกวิดีโอ ควบคู่ไปกับการใช้สื่อดิจิทัล สื่อโฆษณานอกบ้าน และกิจกรรมในร้านค้าหรือจุดขาย โดยใช้พรีเซ็นเตอร์สร้างความจดจำให้แก่แบรนด์ และต้องการสานต่อประสบการณ์แห่งความผูกพันระหว่างเนสกาแฟกับผู้บริโภค

“สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ไม่ใช่แค่ครองตำแหน่งเจ้าตลาดเพียงสิ่งเดียว แต่ต้องสปีดตัวเองมากขึ้นโดยการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อครองใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง”