ช่อง 3…ยกเครื่องใหม่ เขย่าผัง ‘ข่าว-ละคร’ กู้เรตติ้งคืน

ปิดสวิตช์ช่อง 13 แฟมิลี่ และช่อง 28 เอสดี ลงอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา

พร้อมรับเงินชดเชนก้อนโตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวม 842 ล้านบาท

อีกด้านหนึ่งเท่ากับเป็นการปิด “จุดอ่อน” ของกลุ่มบีอีซีเวิลด์ ที่มีรายจ่ายก้อนใหญ่จากทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่องลงไปด้วย

จากนี้ไป ภารกิจใหญ่ของช่อง 3 จึงอยู่ที่การกู้เรตติ้งช่อง 33 เอชดี ให้กลับมาเติบโต และดึงเม็ดเงินโฆษณาคืนให้เร็วที่สุด

“อริยะ พนมยงค์” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารช่อง 3 (ช่อง 33 เอชดี) กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาครึ่งปีหลังนี้ต้องเผชิญกับปัจจัยลบจากหลากหลายมิติทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศก็ไม่โต ประกอบกับมีเหตุการณ์น้ำท่วมเพิ่มเข้ามาอีก ทำให้การใช้งบฯโฆษณาของสินค้าก็ลดลงด้วยเช่นกัน

เขาย้ำว่า ที่ผ่านมา แม้ทีวีดิจิทัลจะลดลง 7 ช่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพการแข่งขันลดน้อยลง แต่ในทางกลับกันกลับมีดีกรีการแข่งขันที่หนักหน่วงขึ้น โดยผู้เล่นที่เหลืออยู่ 15 ราย ต่างก็พร้อมจะลุย เพื่อช่วงชิงเม็ดเงินโฆษณาที่เหลืออยู่เช่นกัน ที่ผ่านมา

นอกจากช่อง 3 จะมีการปรับผังรายการใหม่ เป้าหมายเพื่อดึงเรตติ้งให้มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา อีกด้านหนึ่้งช่อง 3 ก็พยายามหาแหล่งรายได้ใหม่ เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากโฆษณาเพียงทางเดียว โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ การบริหารจัดการดารานักแสดง หรือการขายคอนเทนต์ไปต่างประเทศ เป็นต้น

หลังจากที่คืนใบอนุญาต และยุติการออนแอร์ช่อง 13 แฟมิลี่ และช่อง 28 เอสดี ลงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ช่อง 3 จะเริ่มปรับรายการใหม่ โดยเฟสแรกได้ปรับโฉมรายการข่าว 3 รายการ ได้แก่ เรื่องเล่าเช้านี้ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ และข่าว 3 มิติ ด้วยการปรับระบบการนำเสนอที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น ภายใต้แนวคิด “ข่าวจริง ทันเหตุการณ์ พึ่งพาได้” ส่วนรายการข่าวที่เหลือจะทยอยปรับให้แล้วเสร็จในไตรมาส 4

นอกจากนี้ ช่อง 3 ยังดึงรายการข่าวที่มีเรตติ้งดีจากช่อง 28 เอสดี และช่อง 13 แฟมิลี่ เข้ามาเสริม เช่น โหนกระแส ข่าวนอกลู่ เป็นต้น พร้อมเติมข่าวสั้น “Flash News” ในทุกช่วงเวลาระหว่างวันเป็นการเพิ่มน้ำหนักรายการข่าว และจากนี้ไป ช่อง 3 จะมีรายการข่าวตลอดทั้งวัน

โดยปัจจุบันสัดส่วนรายการข่าวคิดเป็น 20% ของผังรายการทั้งหมด แต่ในแง่รายได้จากรายการข่าว ยังมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของรายได้รวม

หากย้อนกลับไปจะพบว่า ที่ผ่านมา ช่อง 3 ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ให้มีขนาดเล็กลง ด้วยการลดทีมข่าวเหลือ 200 คน เพื่อให้คล่องตัวมากขึ้นและปรับกระบวนการทำงานใหม่ให้สอดรับกับการแข่งขันที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ “อริยะ” ตั้งเป้าว่า การปรับโฉมรายการข่าวครั้งนี้ จะส่งผลให้เรตติ้งรายการข่าวเพิ่มขึ้น และสัดส่วนรายได้จากรายข่าวจะกลับขึ้นมามี 10% ของรายการได้รวมบริษัทในเร็ว ๆ นี้

นอกจากการรุกหนักรายการข่าวดังกล่าว สำหรับผังรายการใหม่ที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคมนี้ ช่อง 3 ยังเติมคอนเทนต์แม่เหล็ก “ละคร” เข้ามาตลอดสัปดาห์ ใน 4 ช่วงเวลา คือ จันทร์-ศุกร์ เริ่มตั้งแต่ “ละครดังข้ามเวลา” เวลา 08.25-10.05 น. ต่อด้วย ละครย้อนเวลากระแสแรง เวลา 13.45-15.45 น. ละครเย็นก่อนข่าว เวลา 18.00–20.00 น. รวม 2 เรื่อง 2 รส

นอกจากนี้ ยังมีรายการใหม่ เช่น “ป้ายไหนไปมันส์” เวลา 23.05-00.05 น.ไม่เพียงเท่านี้ แม่ทัพใหญ่ช่อง 3 ยังมีแผนจะเดินหน้าปรับผังรายการต่อ โดยเฟส 2 จะเริ่มต้นปี 2563 ด้วยการเติมรายการวาไรตี้และละครใหม่ระลอกหนึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งของการปรับผังรายการเพื่อดึงเรตติ้งให้กลับมาอยู่แถวหน้าเหมือนเดิม แต่ในแง่รายได้ ช่อง 3 อาจจะต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

แต่อย่างน้อยที่สุด แม่ทัพใหญ่ช่อง 3 คาดหวังว่า การปรับผังรายการใหม่ครั้งนี้จะทำให้รายได้รวมค่อย ๆ กลับมาเติบโตขึ้น

“อริยะ” ทิ้งท้ายว่า หลังจากยุติออกอากาศ 2 ช่องก็ปรับผังรายการใหม่ทันที โดยกลับมาโฟกัสที่ช่อง 3 เชื่อว่าถ้าคอนเทนต์ดี เรตติ้ง และเม็ดเงินโฆษณาก็จะค่อย ๆ ฟื้นกลับมาด้วยเช่นกัน นี่เป็นแค่ยกแรกของการกลับมาทวงบังลังก์และความแข็งแรงของช่อง 3 อีกครั้ง

ส่วนจะทวงบัลลังก์ได้ช้าหรือเร็ว…คู่แข่งช่องต่าง ๆ คงไม่ยอมง่าย ๆ แน่นอน