อำพลฟูดส์ปรับช่องทางขาย ปั้นธุรกิจโลจิสติกส์เสริมทัพ

กลุ่มอำพลฟูดส์ปรับสูตรช่องทางจำหน่ายใหม่ ผุดศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ ตั้งเป้าปี”63 เปิดครบ 50 ศูนย์ เจาะร้านค้าย่อยทุกพื้นที่ ปิดจุดอ่อนยอดขายหาย ต้นทุนด้านขนส่งพุ่ง พร้อมตั้งบริษัทด้านโลจิสติกส์ กระจายสินค้าให้แบรนด์อื่น ๆ เพิ่ม หวังสร้างการเติบโตธุรกิจระยะยาว

นายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น น้ำแกงรอยไทย กระทิชาวเกาะ น้ำข้าวกล้องงอกวีฟิต เป็นต้น กล่าวว่า ภาพเศรษฐกิจโดยรวมปีนี้ชะลอการเติบโตกระทบต่อยอดขายสินค้าของหลาย ๆ ธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

โดยตรง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและยังสามารถเติบโตได้ เนื่องจากบริษัทมีการปรับตัวมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2561 โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ การพัฒนาสินค้า ชูนวัตกรรมด้านอาหารเพื่อสร้างความแตกต่าง พร้อมออกสินค้าใหม่ในแต่ละกลุ่มต่อเนื่อง เช่น เครื่องดื่ม กะทิสำเร็จรูป เป็นต้น โดยปัจจุบันผลิตสินค้ากว่า 1,000 รายการ แบ่งเป็น 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจมะพร้าว ธุรกิจเครื่องดื่ม อาหารพร้อมปรุง เครื่องปรุงรส ขนมขบเคี้ยว

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศชะลอการเติบโตมาตลอด ด้วยแนวโน้มที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทปรับตัวมาเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งที่ได้เริ่มทำก็เพิ่งออกดอกออกผลในปีนี้ ทำให้บริษัทเติบโตได้ดี โดยครึ่งปีแรกโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และถือว่าสวนทางกับหลายธุรกิจ ขณะเดียวกันถ้าบริษัทไม่ปรับตัว ยอดขายโดยรวมก็อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจเหมือนกับหลาย ๆ ธุรกิจเช่นกัน”

Advertisment

อีกส่วนคือการยกเครื่องช่องทางจัดจำหน่ายและรูปแบบการขายใหม่ ด้วยการเปิดศูนย์กระจายและคลังสินค้าในแต่ละจังหวัด ปัจจุบันมี 27 ศูนย์ และปี 2563 จะเพิ่มเป็น 50 ศูนย์ กระจายอยู่ทั่วประเทศ จากเดิมที่ใช้หน่วยรถจากส่วนกลางเป็นผู้กระจายสินค้าไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงและไม่สามารถเข้าถึงร้านค้ารายย่อยได้ครบ

“การปรับช่องทางขายครั้งนี้ทำให้สามารถเข้าถึงร้านค้ารายย่อยได้ดี อีกทั้งยังนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้ดีขึ้น ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”

นอกจากนี้ยังใช้ศักยภาพจากศูนย์นี้ในการขยายธุรกิจด้านจัดจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายให้แก่แบรนด์อื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำปลาร้าไมค์แซ่บ วุ้นเส้น เป็นต้น และมีแผนจะตั้งบริษัท โลจิสติกส์ ขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด คาดว่าจะเริ่มในปี 2563 เพื่อเสริมความแข็งแรงให้แก่บริษัททั้งด้านรายได้และช่องทางจำหน่ายด้วย เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคนี้

“ปีหน้านอกจากจะขยายศูนย์กระจายสินค้าแล้ว ยังต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีด้วย เพื่อใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลของฐานลูกค้า (ร้านค้าย่อย) ระบบโอนเงิน ระบบติดตามตรวจสอบสินค้า เพื่อป้องกันการทุจริตและเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจ”

Advertisment

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลจากการทรานส์ฟอร์ม (transform) ครั้งนี้จะทำให้บริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแรงอีกครั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้จะกลับมาแตะ 3,000 ล้านบาทอีกครั้ง และคาดว่าปี 2563 ก็จะเติบโต 20% จากปีนี้ด้วย