ห้างเวียดนาม แข่งเดือด ทาคาชิมาย่า ปรับสูตรดึงลูกค้า

ใกล้จะครบรอบ 1 ปีแล้วสำหรับเชนห้างสรรพสินค้าสัญชาติญี่ปุ่น ทาคาชิมาย่าŽ (Takashimaya) สาขาเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2559 ถือเป็นสาขาต่างประเทศลำดับที่ 3 ต่อจากจีนและสิงคโปร์ รวมถึงเป็นห้างญี่ปุ่นรายแรกในประเทศ โดยแม้ที่ผ่านมาสาขานี้จะยังไม่สามารถทำกำไรได้ แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมนักช็อประดับไฮเอนด์ที่เป็นเป้าหมายหลัก ได้ช่วยให้เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว

โดย สำนักข่าวนิกเคอิ รายงานว่า ขณะนี้ทิศทางของห้างทาคาชิมาย่าในเวียดนามเริ่มสดใสขึ้น หลังสามารถจับทางพฤติกรรมและดีมานด์ของผู้บริโภคชาวเวียดนามได้ จนจำนวนลูกค้าเฉลี่ยเพิ่มเป็น 30,000 คนต่อวัน มากกว่าเป้าที่วางไว้เดิม พร้อมกับยอดขายสินค้าราคาแพงตั้งแต่ซูชิแพ็กละ 1.29 แสนด่องหรือประมาณ 190 บาท (แซนด์วิชทั่วไป 1 แพ็กราคาประมาณ 1 หมื่นด่อง) ไปจนถึงรองเท้าสั่งตัดราคาคู่ละ 4 ล้านด่อง หรือประมาณ 6,000 บาท

ในเรื่องนี้ ฮิเดยูกิ ยามาโมโตŽ ผู้บริหารของทาคาชิมาย่า เวียดนาม อธิบายว่า ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการปรับตัวให้สอดคล้องกับผู้บริโภค โดยช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับกลยุทธ์หลายด้าน รวมถึงเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส อาทิ ยกเลิกกฎห้ามถ่ายรูปบริเวณพื้นที่จัดแสดงงานประดับตกแต่งใกล้ประตูทางเข้าห้าง พร้อมกับติดตั้งโลโก้ห้างที่ดัดแปลงให้กลมกลืนพื้นที่เข้าไปด้วย เพื่ออาศัยการแชร์ภาพของลูกค้าสร้างการรับรู้ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

เมื่อรวมกับกลยุทธ์ที่นำมาจากสาขาสิงคโปร์ซึ่งถือเป็นสาขาที่ประสบความสำเร็จในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งจากทั้งหมด 15,000 ตร.ม. ประกอบด้วยบนดิน 3 ชั้น และใต้ดินอีก 2 ชั้น ให้ผู้ค้ารายอื่นเช่า ช่วยให้บริษัทมีรายได้จาก 2 ทางพร้อม ๆ กัน รวมถึงเน้นย้ำความเป็นญี่ปุ่นผ่านการบริการของพนักงาน ทั้งการห่อสินค้าด้วยกระดาษแทนถุงพลาสติก และการทักทายลูกค้าด้วยการโค้งคำนับ

อย่างไรก็ตาม ในปีที่ 2 ที่จะถึงนี้ยังมีความท้าทายเหลืออยู่ นั่นคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยังไม่เปิดรับสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ตนไม่รู้จัก ยอดขายจึงกระจุกตัวอยู่เฉพาะแบรนด์ดัง ๆ เท่านั้น รวมถึงยังไม่มีเทรนด์การแต่งตัวแบบมิกซ์แอนด์แมตช์ ทำให้ปริมาณการซื้อต่อคนต่ำกว่าที่ควร รวมถึงยังมีสัญญาณปัญหาเรื่องการจัดผังแผนกสินค้า โดยแผนกกระเป๋าและเสื้อผ้าสำหรับหญิงวัยทำงานซึ่งอยู่ที่ชั้นใต้ดินและชั้น 2 มียอดขายต่ำผิดปกติ

ทั้งนี้ผู้บริหารของทาคาชิมาย่ายืนยันว่า สามารถรับมือได้ โดยอันดับแรกเพิ่มจำนวนลูกค้าและเก็บข้อมูลอินไซต์ในการช็อปปิ้ง โดยใช้โปรโมชั่นแลกของรางวัลจูงใจให้สมัครบัตรสมาชิก พร้อมกับปรับพื้นที่และการเสนอสินค้าให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการช็อปปิ้งให้หลากหลายยิ่งขึ้น

เชื่อว่าหลังจากนี้ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เราต้องการŽ