“ไอคัลเลอร์” ลุย OEM เครื่องสำอางกัญชา

“ไอคัลเลอร์ฯ” ปรับแผน เบรกบุกส่งออก เบนเข็มลุยตลาดในประเทศ ชูวันสต็อปเซอร์วิส โออีเอ็ม เครื่องสำอาง ครบจบในที่เดียว ตั้งแต่วิจัย ผลิต แพ็กเกจจิ้ง การทำการตลาด ส่งสเปรย์-เจลแอลกอฮอล์ สกินแคร์ กัญชา-กัญชง ชิมลาง รอโควิด-19 คลี่คลาย สยายปีก CLMV-อินโดนีเซีย เล็งจีน ยุโรป อเมริกา เป้าหมายใหม่

นายสฤษฏ์รัช พิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอคัลเลอร์ คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับผลิต OEM เครื่องสำอาง บริษัทในเครือคอมเม็ทส์ อินเตอร์เทรด ผู้นำเข้าบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรายใหญ่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จุดเริ่มต้นของไอคัลเลอร์ คอสเมติคส์ เกิดจากแนวคิดริเริ่มต่อยอดธุรกิจครอบครัว ซึ่งทำแพ็กเกจจิ้งและคร่ำหวอดอยู่ในวงการเครื่องสำอางกว่า 28 ปี โดยการผันตัวมาปลุกปั้นแบรนด์ไอคัลเลอร์ฯเมื่อ 2 ปีก่อน มีเป้าหมายหลักเพื่อขยายฐานการส่งออกเครื่องสำอางไปในตลาดต่างประเทศที่มีความต้องการมากขึ้น

แต่หลังจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การส่งออกชะงักในแทบทุกประเทศ บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแผนงานเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ โดยหันมาโฟกัสตลาดในประเทศ

ควบคู่กับการฝ่าวิกฤตจากการหดตัวของตลาดเครื่องสำอาง เนื่องจากกลุ่มเครื่องแต่งหน้าเติบโตลดลง จากพฤติกรรมผู้บริโภคต้องสวมหน้ากากอนามัย การแต่งหน้าอาจไม่จำเป็นในระยะนี้ ทำให้ช่วงแรกต้องปรับตัวทำแอลกอฮอล์ ทั้งในรูปแบบสเปรย์และเจล ควบคู่กับการตอบรับเทรนด์กัญชา-กัญชง ด้วยการรับจ้างผลิตเครื่องสำอางจาก 2 กัญชา-กัญชง ที่มีจุดเด่นในด้านการลดความมัน เพิ่มความชุ่มชื่น และลดการอักเสบของผิว โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ การดูแลผิว ด้วยการนำใบ, ลำต้น, ราก และกากของกัญชา-กัญชง มาพัฒนาเป็นสินค้าต้นแบบ พร้อมผลิตให้แก่กลุ่มลูกค้าที่สนใจ ทั้งนี้ ไอคัลเลอร์ฯถือเป็นเจ้าแรกที่ได้รับจดทะเบียนในสินค้าดังกล่าว

นายสฤษฏ์รัชกล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางการทำตลาดของไอคัลเลอร์ฯจากนี้ไป ในฐานะที่เป็นผู้รับจ้างผลิต ได้วางโพซิชั่นของบริษัท ให้เปรียบเสมือนวันสต็อปเซอร์วิส OEM เครื่องสำอางครบวงจร ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การผลิตสินค้า ไปจนถึงการทำตลาดให้แก่ลูกค้า อาทิ ช่วงที่ควรลอนช์สินค้า ภาพรวมการแข่งขันของตลาด พร้อมกับนำจุดแข็งของบริษัทแม่ คือ คอมเม็ทส์ อินเตอร์เทรด ช่วยสร้างแพ็กเกจจิ้งผลิตภัณฑ์ให้ เรียกว่าครบจบในที่เดียว และตอกย้ำวิสัยทัศน์การเติบโตไปพร้อม ๆ กับคู่ค้าหรือพันธมิตรแบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศและต่างประเทศ

ที่ผ่านมา ไอคัลเลอร์ฯได้พัฒนาโรงงานสายการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานสากลและได้รับใบรับรองคุณภาพจากสถาบันชั้นนำต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น HALAL, GMP, Organic Certificate ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตกับไอคัลเลอร์ฯสามารถส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสูตรและใบรับรอง รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับตลาดเครื่องสำอางจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และเตรียมส่งออกสินค้าร่วมกับพันธมิตร หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง

“เดิมไอคัลเลอร์ฯมีเป้าหมายหลักในการบุกตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแถบกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือ CLMV ที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวสูง ประกอบกับประชากรในประเทศเหล่านั้นมองไทยเป็นต้นแบบด้านเครื่องสำอาง ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่เราและคู่ค้าต้องการจะบุกเข้าไปทำตลาด เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต และคู่แข่งที่ยังมีไม่มากนัก เพราะเป็นตลาดเคร่งครัดเรื่องมาตรฐานฮาลาลและสารเคมีสูง ซึ่งคาดว่าการเตรียมพร้อมทุกอย่างจะแล้วเสร็จภายในปี 2564”

ส่วนตลาดจีน ยุโรป หรืออเมริกา ที่เป็นตลาดใหญ่ก็ได้มีการศึกษา ทั้งในแง่ของตลาด กฎหมายเฉพาะของแต่ละประเทศ ที่มีความแตกต่างกัน เช่น บางประเทศอาจมีข้อห้ามทดลองเครื่องสำอางกับสัตว์ เป็นต้น ทั้งนี้ ไอคัลเลอร์ฯได้พยายามหาอินไซต์ของแต่ละตลาด เพื่อให้รองรับได้ทุกประเทศ หากคู่ค้าต้องการส่งสินค้าเข้าทำตลาดในต่างประเทศ พร้อมกันนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมในแง่ของเครื่องจักรและการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 100,000 ชิ้น/วัน ควบคู่กับการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง