“แกรมมี่” ต่อยอดมิวสิก NFT ส่งเพลง-ดนตรีรับสินทรัพย์ดิจิทัลแรง

GMM-bitkib

กระแสสินทรัพย์ดิจิทัลแรงข้ามปี แกรมมี่ จับมือ Bitkub ประกาศเดินหน้า MUSIC NFT งัดผลงาน-สินค้าพิเศษ วางขายสร้างแวลูเพิ่ม ตั้งเป้าน่านน้ำรายได้ใหม่-ยืน 1 MUSIC NFT ในประเทศไทย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ดิจิทัล” ยังมาแรงข้ามปี โดยเฉพาะเทรนด์อย่างสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่มีแนวโน้มขยายตัวของจำนวนผู้ใช้ต่อเนื่อง จากข้อมูลของสำนักงาน ก.ล.ต. พบผู้เปิดบัญชีตลาดคริปโทเพิ่มถึง 1.77 ล้านบัญชี (ปี’63-ต.ค. 64) ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างโดดร่วมวงสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อดึงลูกค้ากลุ่มซื้อ ขาย และลงทุนเหรียญดิจิทัล ไม่เว้นแม้แต่ GMM Grammy ที่ต่อจิ๊กซอว์การเติบโตของธุรกิจเพลงในรูปแบบ MUSIC NFT รับกระแส

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และถือเป็นน่านน้ำรายได้ใหม่ของแกรมมี่ในระยะยาว โดยยุทธศาสตร์ของบริษัทคือการขับเคลื่อน MUSIC NFT ให้ประสบความสำเร็จ และยังเป็นการผลักดันผลงานแกรมมี่ไปสู่แฟนคลับและนักสะสม ผู้ชื่นชอบผลงานและสินค้าจากศิลปิน ตลอดจนสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใช้สินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก

ภาวิต จิตรกร

ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับ Bitkub แพลตฟอร์มให้บริการการเงินดิจิทัล ซึ่งมีศักยภาพสูงในการเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง โดยแกรมมี่จะวางสินค้าอยู่ในแพลตฟอร์มของ Bitkub แบ่งออกเป็น 4 tiers ได้แก่ 1.special collection สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในโลกของ MUSIC NFT ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเน้นความ mass เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง 2.rare collection เป็นสินค้าที่มีจำกัดและชูจุดเด่น unseen item

โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ limited item และ limited movement 3.epic collection กลุ่มสินค้าที่ไม่มีการผลิตซ้ำ ใช้สำหรับ moment พิเศษ ที่เป็นตัวแทนของความทรงจำที่มีคุณค่า เจาะกลุ่มแฟนคลับให้เข้าถึงและสามารถครอบครองได้ และ 4.legendary collection เป็นสินค้าและผลงานของศิลปินระดับตำนานของประเทศที่มีเรื่องราวความเป็นมา มีความหายาก บางชิ้นนับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก

ด้านนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ Bitkub กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วยปลดล็อกศักยภาพ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สิ่งของต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีมูลค่าสูงจากลักษณะเฉพาะการเป็นทรัพย์สินทางปัญญาและลิขสิทธิ์ รวมถึงความพิเศษในด้านโมเมนต์และเรื่องราวต่าง ๆ ของศิลปิน ขณะที่ network effect ยังสอดคล้องกับเครือข่ายของแฟนคลับของศิลปิน ดารา และค่ายเพลง

ดังนั้น การนำคุณสมบัติของเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาร่วมสร้าง MUSIC NFT ร่วมกับทาง GMM Grammy ในครั้งนี้ จะเป็นการพลิกโฉมวงการบันเทิงของไทยอีกครั้ง และเปิดประสบการณ์ใหม่ระหว่างแฟนเพลงและศิลปินได้มีโอกาสเข้าถึงซึ่งกันและกัน และมีความใกล้ชิดกัน โดยเป้าหมายหลักของทั้ง 2 บริษัท คือการมุ่งเป้าเพื่อเป็น MUSIC NFT ที่ใหญ่ที่สุดในไทย