ศึก ‘ล้ง-ชาวสวน’

บทความ โดย หนุ่มเมืองจันท์
คอลัมน์ : Market-think
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ปีนี้ผมเข้าสู่วงการชาวสวนและพ่อค้าทุเรียนอย่างเป็นทางการแล้วครับ

แต่เป็นกึ่งมือสมัครเล่น

มาช่วยดูแลสวนทุเรียนเก่าที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้ลูก ๆ และเริ่มขายออนไลน์ทางเพจส่วนตัว

ทำเล็ก ๆ แต่หาข้อมูลเยอะ ตามประสานักข่าว

ทำให้พอรู้ข่าวคราวของวงการทุเรียนบ้าง

โดยเฉพาะการปะทะกันระหว่าง “ชาวสวน” เมืองจันท์ กับ “ล้ง”

ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ราคาทุเรียนในประเทศขยับตัวสูงขึ้นมาก เพราะมีการส่งออกไปประเทศจีน

กลไกสำคัญ คือ “ล้ง” ที่รับซื้อทุเรียนส่งออก

ส่วนใหญ่เป็นล้งจีนที่มาลงทุน

ปีนี้มีสถานการณ์พิเศษ คือ จีนเจอมรสุมโควิดในช่วงนี้ ทำให้ด่านต่าง ๆ มีปัญหา บางด่านก็ปิด บางด่านก็ใช้เวลานานมาก เพราะจีนกลัวทุเรียนมีเชื้อโควิดติดไปด้วย

แต่พ่อค้าเขาปรับตัวเร็วครับ พยายามหาช่องทางส่งออกในรูปแบบต่าง ๆ

ช่วงแรก ๆ ทุเรียนราคาดีมาก

ราคารับซื้อของล้งสูงถึง 200 กว่าบาท

“กระดุม” ซึ่งเป็นทุเรียนเบา ออกก่อนใคร ราคาพุ่งไปถึงกิโลกรัมละ 270 บาท

“หมอนทอง” ช่วงแรกก็ราคาเกิน 200

จากนั้นก็ลดลงมาเหลือประมาณ 150

แต่ช่วงก่อนสงกรานต์ เริ่มมีข่าวจีนปิดด่านออกมา ล้งอาศัยข่าวนี้กดราคาลงมาเรื่อย ๆ

ชาวสวนคนไหนไปขายทุเรียนที่ล้ง พนักงานของล้งก็จะพูดแต่เรื่องนี้

พูดจบ ราคาก็ลงอีก

จาก 150 เหลือ 130 แล้วลงเรื่อย ๆ ทุกวัน จนต่ำกว่า 100

ชาวสวนก็เริ่มโวยสิครับ เพราะมันผิดปกติมาก

โลกยุคใหม่ ชาวสวนเขามีเพจที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้เยอะมาก

มีรายงานข่าวจากทางการถึงการปิดด่านว่าจริงหรือไม่

ลงประกาศราคาล้งต่าง ๆ ในเพจ

ชาวสวนเลือกได้ว่าจะส่งที่ไหน ฯลฯ

ตอนแรก ๆ ที่ชาวสวนโวยในเพจ ราคาของล้งก็ยิ่งดิ่ง

วันหนึ่ง มีล้งรายหนึ่งประกาศราคาซื้อกิโลกรัมละ 70 บาท

“ม็อบชาวสวน” เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเลย

มีการรณรงค์ผ่านเพจต่าง ๆ ให้ชาวสวนหยุดตัดทุเรียน อย่ารีบขาย เพราะอ่านออกได้ว่า “ล้ง” กำลังจับมือกันกดราคาทุเรียน

“ทุเรียนหมอนทอง” ที่ขายล้งนั้น ถ้าตรวจปริมาณแป้งประมาณ 32% จึงจะสามารถขายล้งได้

ถ้าต่ำกว่านั้น “อ่อน”

จากแป้ง 32% ชาวสวนสามารถแขวนลูกทุเรียนอยู่บนต้นได้นานถึง 7-10 วัน ก่อนขาย

ยอมให้น้ำหนักลดลงนิดหน่อย เพราะทุเรียนยิ่งแก่ น้ำหนักลูกยิ่งลด

แต่ดีกว่าตัดขายกิโลกรัมละ 70 บาท

เหตุผลที่เขาเสนอให้ชาวสวนหยุดตัดทุเรียนขาย เพราะคนในวงการรู้ว่าล้งนั้นมีสัญญากับคนซื้อที่เมืองจีนไว้ ว่าภายในวันไหนจะต้องส่งให้กี่ตู้คอนเทนเนอร์

ส่วนใหญ่ไม่เกิน 2 วัน

ทุกฝ่ายรู้ “จุดตาย” ของกันและกัน

ดังนั้น ถ้าชาวสวนไม่รีบตัดขาย ล้งก็ไม่มีทุเรียนส่ง

ปิดตู้ไม่ได้

แค่ 2 วันเองครับ ราคาทุเรียนขยับขึ้นเป็น 100 บาท

มีประกาศผ่านเพจเลยว่า รับไม่อั้น ต้องการอีกกี่ตู้เพื่อปิดตู้

ล้งเริ่มแย่งกันซื้อ ราคาจึงขยับขึ้นเรื่อย ๆ

ตอนนี้อยู่ที่ 130-140 บาทแล้วครับ

ไม่รู้ว่าต่อไปจะขึ้นหรือลง

แต่สงครามครั้งนี้แสดงให้เห็นถึง “อำนาจต่อรอง” ของเกษตรกรยุคใหม่

โซเชียลมีเดียมีผลมาก ทำให้โลกแห่งข่าวสารกระจายไปอย่างรวดเร็ว

มีการตรวจสอบข่าวสารว่าข่าวไหนจริงหรือไม่จริง

การปล่อยข่าวยากขึ้นกว่าเดิม

ในขณะที่โซเชียลมีเดียก็ช่วยให้ชาวสวนรวมพลังกันได้ พอทุกสวนไม่ตัดทุเรียนพร้อมกัน
แค่นั้น “อำนาจต่อรอง” ก็เปลี่ยนไปทันที