“สเตลแลนทิส” ทุ่มเกือบ 6 หมื่นล้านผนึก “ลีปมอเตอร์” รุกตลาด EV

สเตลแลนทิส ผนึก ลีปมอเตอร์ ทุ่มกว่า 58,000 ล้านบาท ตั้งบริษัทใหม่ รุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ใช้ความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กร ผลิตรถ EV ประสิทธิภาพดีและมีราคาเหมาะสม จับตา เอ็มจีซี-เอเชีย คว้าทำตลาดในไทย

วันที่ 21 ธันวาคม 2566 นายคาร์ลอส ทาวาเรส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สเตลแลนทิส เปิดเผยว่า สเตลแลนทิส STELLANTIS ทุ่มงบฯกว่า 58,000 ล้านบาท เพื่อเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของ ลีปมอเตอร์ LEAPMOTOR หนึ่งในผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ของประเทศจีน ในสัดส่วนราว 20% ตั้งบริษัทร่วมทุน “ลีปมอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” สเตลแลนทิสถือหุ้น 51% ลีปมอเตอร์ 49% เพื่อรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนและระดับโลก

“ลีปมอเตอร์จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างโมเดลธุรกิจของเรา อีกทั้งเรายังได้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของลีปมอเตอร์ ทั้งในจีนและบนเวทีโลกเพื่อบรรลุเป้าหมาย ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพดี และมีราคาเหมาะสม และบริษัทใหม่จะมีผู้บริหารจาก 2 คน นั่งเป็นกรรมการบริหาร”

ด้านนายชูว์ เจียงหมิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง ลีปมอเตอร์ กล่าวว่า “การร่วมมือกันครั้งนี้จะส่งผลดีต่อทั้ง 2 องค์กร โดยเรามุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดย ลีปมอเตอร์ สู่ลูกค้าในตลาดโลก”

ลีปมอเตอร์ ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในจีน โดยทางบริษัทส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 110,000 คันในปี 2565 ส่งผลให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ของประเทศ พร้อมคาดการณ์ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ตั้งแต่ A ถึง E โดยใช้พื้นฐานจากสถาปัตยกรรมล้ำสมัย สู่ 3 แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่น ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ประเภทไฮบริด ส่งผลให้สามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายแรกของโลก ที่นำเทคโนโลยีการติดตั้งแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างตัวถัง (Cell-to-Chassis) มาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิต

สำหรับ สเตลแลนทิส ก่อตั้งช่วงปี 2564 ทว่ามีประสบการณ์มานานกว่าหนึ่งศตวรรษ กับ 14 แบรนด์รถยนต์ระดับโลกในเครือและอีก 2 ธุรกิจโมบิลิตี้ โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการด้านโมบิลิตี้ ในราคาที่เหมาะสม ปลอดภัย และไร้มลพิษ ในกว่า 30 ประเทศ กับฐานลูกค้าที่มีในกว่า 130 กลุ่มตลาด ซึ่งช่วงปี 2565 ทางบริษัทส่งมอบรถยนต์มากกว่า 6 ล้านคัน ทำรายได้รวมกว่า 6.94 ล้านล้านบาท และทำกำไร 649,600 ล้านบาท

ครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3.80 ล้านล้านบาท และมีกำไร 421,446 ล้านบาท คิดเป็นรายรับสูงสุดจากการบริหารงานที่ 14.4% ของอุตสาหกรรมทั้งหมด โดยทาง สเตลแลนทิส มีการลงทุนกว่า 1.93 ล้านล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อพิชิตเป้าหมาย “Dare Forward 2030” ด้วยสัดส่วนการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลในยุโรป 100% และ 50% ของสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและรถปิกอัพไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2573 ซึ่งการไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว ทางบริษัทได้จัดเตรียมแบตเตอรี่ไว้มากกว่า 400 จิกะวัตต์ชั่วโมงผ่านการสนับสนุนของ 6 โรงงานผู้ผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกาเหนือและยุโรป พร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีมลพิษเป็นศูนย์ ภายในปี 2581

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับประเทศไทยความเคลื่อนไหวของ สเตลแลนติสและลีปมอเตอร์ ครั้งนี้ต้องจับตาดู กลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย ที่มีแบรนด์พาร์ตเนอร์รถยนต์ในกลุ่มสเตลแลนติสจำหน่ายในบ้านเราหลายยี่ห้อ ทั้งเปอโยต์ จี๊ป

ดังนั้นอนาคตอันใกล้อาจจะได้เห็น เอ็มจีซี-เอเชีย ทำตลาดรถ EV เพิ่มเติม รวมถึงก่อนหน้านี้ ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ยังเคยระบุว่ามีแผนจะขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร และได้เซ็น MOU กับกลุ่ม ปตท. เพื่อศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง