แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ สปอร์ตคาร์ในคราบเอสยูวี

เทสต์คาร์
อมร พวงงาม

พิสูจน์ให้เห็นกันชัดแจ้งแล้วว่า การเข้าไปมีส่วนร่วมในรายการแข่งขันรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก หรือฟอร์มูล่า-วัน

ได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะ

แอสตัน มาร์ติน แบรนด์ที่หลายคนชื่นชอบ

วันนี้กระโดดเข้าไปอยู่ในรายการแข่งขันฟอร์มูล่า-วัน อย่างเต็มตัว

โดยสนามล่าสุด แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ เอสยูวีที่สวยงามที่สุด

ได้รับเลือกให้เป็น “เมดิคอลคาร์”

หลายคนคงงง ๆ เอารถเอสยูวีมาวิ่งในแทร็กเอฟวัน

แล้วเคสฉุกเฉินจะทันการณ์มั้ยอ่ะ

แต่ดีบีเอ็กซ์ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า มันไม่ใช่เอสยูวีธรรมดา แต่มันคือสปอร์ตคาร์เราดี ๆ นี่เอง

วิศวกรของแอสตัน มาร์ติน ใช้ความพยายามอยู่นานทีเดียว

เพื่อหาจุดโดดเด่นของรถเอสยูวี แอสตัน มาร์ติน ให้แตกต่างและเหนือกว่าแบรนด์อื่น ๆ

ในที่สุดก็ค้นพบตัวเอง เปลี่ยนแนวความคิดทั้งหมด จากพาวเวอร์บิวตี้แอนด์โซล มาเป็น “บิวตี้ฟูลทูลุก…ทูไดรฟ์…และ…ทูโอน”

หรือจะเรียกว่าเป็นความแตกต่างที่สง่างามคงไม่ผิด

แอสตัน มาร์ติน ทุกคันผลิตด้วยมือไม่ใช่เครื่องจักร

เปรียบเหมือนงานศิลปะ ที่ใช้มือวาดเท่านั้น และที่สำคัญ ลูกค้าจะได้รับ
ความรู้สึกทันที

ว่านี่คือศิลปะชั้นเอก เมื่อเปิดฝากระโปรงจะเห็นแผ่นสลักชื่อว่าใครคือผู้ผลิต เหมือนลายเซ็นศิลปินในภาพวาด อย่างไงอย่างงั้น

แอสตัน มาร์ติน ในศตวรรษที่ 2 ผลิตมาด้วยกัน 4 รุ่น

เริ่มจากดีบี 11 ต่อด้วย แวนเทจ ตามมาด้วย ดีบีเอส ซูเปอร์เลจเจรา

และล่าสุด ดีบีเอ็กซ์

รุ่นนี้ต้องบอกว่าเป็นความท้าทายใหม่

เพราะใช้เวลามากกว่า 5 ปี ในการวิจัยพัฒนา

หาข้อมูลทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการ

และที่ไม่เคยลืม คือต้องให้รถคันนี้ขับสนุกมากขึ้นด้วย

และต้องให้ลูกค้ามั่นใจ ว่าใช้งานได้จริง เหมาะกับทุกสภาพถนน ทั้งหิมะ โคลน ภูเขา

หรือแม้กระทั่งทางเรียบ ดีบีเอ็กซ์ ก็ไม่ต่างจาก “สปอร์ตคาร์”

ซึ่งเกือบทุกแบรนด์พอเป็น เอสยูวี ความเป็นสปอร์ตความสะดวกสบายจะหายไป

นี่คือโจทย์ที่แอสตัน มาร์ติน ทำได้สำเร็จ ลูกค้าจะรู้สึกอิ่มเอิบ ดื่มด่ำไปกับความเป็นแอสตัน มาร์ติน

ทุกส่วนของรถผนึกกำลังกันอย่างลงตัว ทั้งระบบขับเคลื่อน แชสซี เครื่องยนต์ รวมทั้งความหรูหรา แม้จะเป็นเอสยูวีก็ตาม

สำหรับรูปลักษณ์ภาพนอก ยังเน้นความกลมกลืน ที่แอสตันฯเรียกมันว่า โกลเดนเรโช โดยการเอาดีไซน์ผสมผสานกับหลักฟิสิกส์

ถึงจะไม่ได้เน้นดาวน์ฟอร์ซมาก เหมือน ดีบี 11 แต่เวลาวิ่งแล้วกลมกลืนไปกับธรรมชาติ

สลิปเปอร์ด้านหน้าไม่ต่างไปจากดีบี 11 ลมที่วิ่งเข้าด้านหน้า มีการจัดสรรอย่างดี ส่วนหนึ่งเข้าไปที่เครื่องยนต์

อีกส่วนหนึ่งเข้าไปที่ล้อ เพื่อลดความร้อนของจานเบรก แล้วไหลลื่นไปด้านหลังตามหลักอากาศพลศาสตร์

เรียกว่าเข้ามาเท่าไหร่ ออกไปเท่านั้น

ฝากระโปรงหน้าดีไซน์ให้สามารถทำดาวน์ฟอร์ซได้ในความเร็วสูง ๆ ผ่านกระจกหน้า หลังคา สปอยเลอร์หลัง นอกจากช่วยเรื่องแรงกดแล้ว ยังสามารถความสะอาดกระจกหลังได้ดีด้วย

จะเห็นว่า แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ ไม่มีปัดน้ำฝนกระจกหลัง

ภายในออกแบบให้หรูหรา ใช้เครื่องหนังอย่างดี ตัดเย็บอย่างประณีต เบาะคูหน้า โอบกระชับเข้ากับสรีระ เบาะหลังกว้างมาก จากฐานล้อยาว 3,060 มม. เรียกว่ายาวสุดในลักเซอรี่เอสยูวี

ดีบีเอ็กซ์เป็นเอสยูวีที่ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 50 เซนติเมตร โดยสามารถปรับไปโหมดเทอร์เรนพลัส รถจะสูงขึ้น 45 มม.

ขุมพลังของดีบีเอ็กซ์ เป็นเครื่องยนต์ของเอเอ็มจี เอ็ม 1 เอส7 วี 8 สูบ 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ บล็อกเดียวกับดีบี 11 ที่เป็นเครื่องวี 8

แต่มีการจูนจุดระเบิดใหม่เพื่อลดมลพิษ แต่ได้กำลังมากขึ้น เดิม 503 แรงม้า ขยับเป็น 550 แรงม้า ความจำเป็นจากตัวรถที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

จากเดิม 700 นิวตันเมตรที่ 2,200 รอบต่อนาที กระโดดไปถึง 5,000 รอบต่อนาที ลากกันได้ยาว ๆ

เกียร์จากเดิม 8 สปีด เป็น 9 สปีด พร้อนจูนอัพเรโชใหม่ ขับสนุกขึ้นกว่าเดิม

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.5 วิ เห็นคันใหญ่แบบนี้ ต่างจากดีบี 11 แค่ 0.5 วินาทีเท่านั้น ท็อปสปีดปรู๊ดไปถึง 290 กม./ชม. ต่างจากดีบี 11 แค่ 10 กม./ชม. เท่านั้น

ระบบขับเคลื่อนเป็นออลวีลไดรฟ์ ปรับได้ 5 โหมดการขับขี่

สตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบจะไปอยู่ที่โหมดจีที แค่นี้ก็วิ่งกันปลิวแล้ว

ถ้าชอบลุย เริ่มต้นกดโหมดเทอร์เรนธรรมดา รถจะสูงขึ้น 20 มม. ความเร็วที่ใช้ไม่เกิน 80 กม./ชม.

ถ้าเกินระบบจะตัดกลับมาเป็นจีที ธรรมดา

โหมดเทอร์เรนพลัส รถจะสูงขึ้น 45 มม. ความเร็วต้องไม่เกิน 40 กม./ชม. ถ้าเร็วเกินก็กลับมาเทอร์เรนปกติ

หรือชื่นชอบความแรงก็ต้องสปอร์ต หรือสปอร์ตพลัส ถ้าสปีดเกิน 200 กม./ชม. ระดับความสูงจะลดลงอัตโนมัติ 30 มม. เพื่อให้รถเกาะถนนมากขึ้น

ความพิเศษของระบบออลวีลไดรฟ์ ซึ่งเป็นการประกอบจากอินเฮาส์ของแอสตัน มาร์ติน ทั้งหมด ไม่มีการแชร์จากที่อื่นเลย

ให้ความรู้สึกเหมือนขับล้อหลัง ซึ่งได้มาจากองค์ประกอบหลายส่วน เช่น การเลือกใช้เพลากลางคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดการสั่นสะเทือน ได้แรงม้ามาเต็มที่ เกียร์ย้ายจากด้านหลัง เอาไว้ข้างหน้า ติดกับฝั่งคนขับวางใต้เครื่องเพื่อให้ได้ซีจีต่ำ

ใช้อี-ดิฟเฟอเรนเชียล มาใช้คำนวณทำให้ได้คำตอบที่แม่นยำจากการประมวลผลเป็น 100 ครั้งต่อ 1 วินาที

ไม่ใช่แค่พอแทรกชั่นทำงาน ก็ไปตัดกำลังเครื่องยนต์ แต่เป็นการคำนวณอย่างเป็นระบบ ทำให้ดีบีเอ็กซ์ทำความเร็วในโค้งได้มากกว่า 30-40%

สนุกเต็มที่กับความเร็วรถ ได้ฟิลลิ่งรถแข่งไปเต็ม ๆ ช่วงล่างเป็นแบบถุงลม ปรับตามโหมดการขับขี่ เช่น สปอร์ตพลัส ยังปรับความหนืดได้ถึง 4 ระดับ

มาพร้อมกันโคลงไฟฟ้า อิเล็กทริกแอ็กทีฟคอนโทรล ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลต์ โดยคำนวณจากค่าแรงจี

ขณะเข้าโค้ง เช่น แรงจี 0.5 กันโคลงไฟฟ้าจะปรับให้ในระดับ 1 องศา

และที่น่าทึ่งคือสามารถเข้าโค้งกันแรง ๆ ได้ถึง 1 จี ทำให้ขับขี่ได้ไม่ต่างแวนเทจ นี่มันคือสปอร์ตคาร์ ชัด ๆ

ขณะที่แชสซีด้านหน้าเป็นอะลูมิเนียมดับเบิลวิชโบน ด้านหลังเป็นมัลติลิงก์ทั้งหมด ตัวถังทั้งคันเป็นอะลูมิเนียมตั้งแต่เสาเอ เสาบี เสาซี เป็นอะลูมินัมโมโนค็อก ฝากระโปรงเป็นแมกนีเซียมอัลลอยผสมอะลูมิเนียม เบามาก

อีกอย่างที่มาช่วยการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัย ดีบีเอ็กซ์มีเซ็นเซอร์ถึง 19 ตัว รอบคัน ทำงานได้ทุกอย่าง อะแด็กทีฟครุยส์คอนโทรล ทำงานได้ถึง 200 กม.

อีเมอร์เจนซี่เบรก ทำงานตั้งแต่ 199 กม./ชม. จนถึงหยุดนิ่ง รับรองไม่ชนคันหน้าเด็ดขาด แต่รถหลังอันนี้แล้วแต่ดวง

จอดรถข้างทางดับเครื่องยนต์ระบบยังแอ็กทิเวตอีก 3 นาที กรณีมีมอเตอร์ไซค์แซงซ้ายมา แล้วบังเอิญเปิดประตูไม่เกิดขึ้นแน่

ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้ ดีบีเอ็กซ์ สมบูรณ์แบบได้มากขนาดนี้

วิศวกรของแอสตัน มาร์ติน กล่าวสั้น ๆ ว่า ต้องขอบคุณ “เซบาสเตียน เฟตเทล” และการหวนคืนสู่สังเวียนเอฟวันอีกครั้ง

แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอ็กซ์ ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท

มาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง