“องอาจ” ชี้อยากให้พรรคการเมืองมีเวลา แค่คลายคำสั่ง คสช.ก็พอ ไม่ต้องขยายวันเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีมติขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน เป็นเพราะคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 53/2560 จึงต้องแก้ไขร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ให้สอดคล้องกับคำสั่ง คสช.เพื่อทำให้พรรคการเมืองมีเวลาจัดการประชุมใหญ่ เพื่อทำตามที่กฎหมายกำหนด การทำไพรมารีโหวตเพื่อเลือกผู้สมัครส.ส.ว่า ถ้าต้องการให้พรรคการเมืองมีเวลาเพียงพอที่จะปฏิบัติตามกฎหมายตามที่กล่าวอ้างจริง ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วันแต่อย่างใด เพราะวิธีการที่เหมาะสมคือการคลายคำสั่งประกาศ คสช.ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ถ้า คสช.กังวลว่าการคลายคำสั่ง คสช.จะกระทบต่อความมั่นคง คสช.ก็อาจกำหนดกิจกรรมที่ไม่กระทบต่อความมั่นคง เช่น การรับสมัครสมาชิกพรรค การบริจาคเงินบำรุงพรรค การจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรครวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่พึงกระทำได้ตามกฎหมาย ถ้า คสช.คลายคำสั่งประกาศ คสช.ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม ก็ทำให้ไม่ต้องเขียนกฎหมายให้ขยายเวลาบังคับใช้ออกไป 90 วัน แต่อย่างใด

“ในความเป็นจริงแล้วถ้าปลดล็อกคำสั่งประกาศ คสช.หลังจากประกาศใช้กฎหมายพรรคการเมืองตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อให้พรรคการเมืองทำตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกอย่างก็เป็นไปตามโรดแมป และสามารถทำตามคำประกาศคำมั่นสัญญาของนายกฯที่จะมีการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้โดยไม่มีปัญหา การขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งออกไปอีก 90 วันได้ ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อนายกฯ และเกิดผลกระทบต่อประเทศโดยรวมก่อให้เกิดความไม่มั่นใจทั้งต่อคนไทย ที่รอคอยการเลือกตั้ง และเชื่อว่าการเลือกตั้งจะช่วยทำให้เศรษฐกิจ ปากท้องที่กำลังย่ำแย่อยู่ขณะนี้ดีขึ้น และเกิดความไม่มั่นใจต่อนานาชาติว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไป 90 วันหรือจะเลื่อนออกไปอีกนานเท่าไหร่กันแน่ เมื่อมีความไม่ชัดเจนเกิดขึ้นย่อมก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในทุกๆ ด้าน รวมถึงความพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ขณะนี้ ซึ่งถึงที่สุดแล้วก็คือการส่งผลกระทบต่อคนไทย และประเทศไทยโดยรวม จึงอยากฝากให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องการคลายคำสั่ง คสช.จะช่วยแก้ปัญหาไม่ทำให้ต้องไปหาอภินิหารทางกฎหมายมาก่อให้เกิดความยุ่งยากต่างๆ มากมาย และอาจจะบานปลายก่อให้เกิดปัญหาตามมาในที่สุด” นายองอาจกล่าว

 

ที่มา : มติชนออนไลน์