เลือกตั้ง 2566 โพลเผยประชาชนต้องการนายกฯ ที่เป็น ส.ส. ไม่เอาคนนอก

SUPER POLL นายกรัฐมนตรี สภา

ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจ ประชาชนหนุนนายกรัฐมนตรี ต้องมาจากการเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่เอานายกฯ คนนอก เพราะใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาจริง พร้อมเลือกคนที่รัก-พรรคที่ชอบ คู่กันทั้ง 2 ใบ

วันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (Super Poll) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง นายกฯ ของประชาชน จากการสำรวจความคิดเห็น จำนวน 1,378 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม ถึง 1 เมษายน พ.ศ. 2566

เมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อ นายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในระบบบัญชี
รายชื่อของพรรคการเมืองด้วย พบว่า จำนวนมากที่สุดคือร้อยละ 43.0 ระบุว่า ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย เพราะเป็นผู้แทนประชาชน ใกล้ชิดประชาชน รู้ปัญหาจริง ใช้อำนาจประชาชนต้องมาจากประชาชน ไม่เอานายกฯ คนนอก ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

ในขณะที่ ร้อยละ 33.6 ระบุ ไม่ต้องเป็น ส.ส. เพราะขอเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ใครก็ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องสังกัดอะไรเป็นอิสระ ไม่ติดกับดัก และร้อยละ 23.4 ไม่แน่ใจ

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อ บัตรสองใบ ว่าจะเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ
คู่กันไปทั้งสองใบหรือแยกกัน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 41.9 ระบุ เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ คู่กันไปทั้งสองใบ ในขณะที่ร้อยละ 26.4 ระบุเลือกแยกกัน และร้อยละ 31.7 ไม่แน่ใจ

ที่น่าพิจารณาคือ นโยบายพรรคที่ประชาชนเชื่อว่าทำได้จริง แบ่งระหว่างกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วม
ฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า ในกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลร้อยละ 41.9 ระบุ พรรคภูมิใจไทย รองลงมาคือร้อยละ 37.8 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 35.5 ระบุ พรรครวมไทยสร้างชาติ และร้อยละ 32.2 ระบุ พรรคพลังประชารัฐ

ในขณะที่ กลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้านส่วนใหญ่หรือร้อยละ 47.0 ระบุพรรคเพื่อไทย และร้อยละ 41.8 ระบุ พรรคก้าวไกล และร้อยละ 35.6 ระบุอื่น ๆ

ในรายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลการศึกษาชิ้นนี้พบว่าประชาชนจำนวนมากที่สุดต้องการเห็นว่า
นายกรัฐมนตรีเป็นนายกฯ ของประชาชนอย่างแท้จริง ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองด้วย นั่นเพราะนายกรัฐมนตรีต้องเป็นตัวแทนของประชาชน ใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนและบริหารความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากที่สุดตั้งใจจะเลือกคนที่รักเลือกพรรคที่ชอบไปพร้อม ๆ กัน โดยในกลุ่มแฟนคลับฝ่ายรัฐบาลเชื่อมั่นนโยบายพรรคภูมิใจไทยทำได้จริงมากที่สุดรองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ โดยค่าสัดส่วนไม่แตกต่างกันมากนัก เช่นกัน ในกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเกาะกลุ่มกันในความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนโยบายว่าจะทำได้จริง