Dubai Port World ที่มี Sultan Ahmed bin Sulayem เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าชั้นนำของโลก จะพบกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย ที่ดาวอส โดยฝ่ายไทยตั้งเป้าที่จะชักชวนให้กลุ่ม DP World เข้ามาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ โดยการพบกันครั้งนี้มีความสำคัญมาก นับจากอดีตที่กลุ่ม DP World ได้เข้ามาศึกษาการขนส่งเชื่อม 2 ฝั่งทะเลในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2551
วันที่ 17 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2567 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีหมายกำหนดการที่จะพบกับประธานกลุ่มบริษัท Dubai Port World หรือ DP World บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า การบริหารจัดการท่าเรือ การขนส่งสินค้าทางทะเลและเขตการค้าเสรี
- บริษัทดังประกาศปิดกิจการ ทุกสาขาทั่วประเทศ เลิกจ้างหลายชีวิต
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 2 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
โดยการพบกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DP World ครั้งนี้ มีความหมายต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ มูลค่า 1 ล้านล้านบาทของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
จากหมายกำหนดการล่าสุด ฝ่าย Dubai Port World จะนำทีมโดย Sultan Ahmed bin Sulayem, Group Chairman and CEO รวมไปถึง Yuvraj Narayan, Group Deputy CEO & CFO และบุคคลอื่น ๆ โดยการพบกันครั้งนี้จัดเป็นกิจกรรม Road Show : Thailand Landbridge Connecting ASEAN with the World ซึ่งจะดำเนินการในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึงเดือนมกราคม 2567
ทั้งนี้ โครงการแลนด์บริดจ์จะใช้รูปแบบการพัฒนาด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนโครงการนี้ทั้งโครงการในลักษณะท่าเรือเดียวเชื่อม 2 ฝั่งทะเล (One Port Two Sides) ประกอบไปด้วย ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันที่ แหลมอ่าวอ่าง อ.ราชกรูด จ.ระนอง ร่องน้ำลึก 21 เมตร รองรับสินค้าได้ 20 ล้าน TEUs เชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยที่ แหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ร่องน้ำลึก 17 เมตร รองรับสินค้าได้ 20 ล้าน TEUs มีเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ 2 ฝั่งระยะทาง 90 กม.
ประกอบด้วยมอเตอร์เวย์ ขนาด 6 ช่องจราจรระยะทาง 21 กม. ทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร รองรับตู้คอนเทนเนอร์ 2 ชั้นบนแคร่ (Double Stack) ทางรถไฟขนาดราง 1 เมตร เพื่อเชื่อมต่อระบบโครงข่ายทางรางของประเทศ และยังมีพื้นที่สำหรับวางท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซธรรมชาติอยู่ในแผนด้วย
หลังการ Road Show ได้ระยะหนึ่ง มีนักลงทุนที่เป็น “เป้าหมาย” หลักในการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ PPP โครงการนี้หลายกลุ่ม โดยกลุ่ม DP World ถือเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อมจากความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้า โดยให้บริการขนส่งคู้คอนเทนเนอร์ 70 ล้านตู้ มีเรือนำเข้าประมาณ 70,000 ลำต่อปี หรือคิดเป็น 10% ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกและยังมีการให้บริการในท่าเรือทั่วโลกมากกว่า 82 แห่งใน 40 ประเทศ
มีการคาดหมายกันว่า หาก DP World เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ของประเทศไทย จะส่งผลให้ประเทศไทยมีโอกาสที่จะเป็น ฮับโลจิสติกส์ และฮับน้ำมันได้
ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการร่วมมือกับ DP World ประกอบไปด้วย 1) การศึกษาโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้ในปี 2551 เพื่อพัฒนาท่าเรือ 2 ฝั่ง 2) การลงนามใน MOU ระหว่าง สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย กับ DP World FZE และ Ports Customs and Free Zone Corporation เพื่อส่งเสริมสินค้าไทยโดยใช้ ดูไบ เป็นฐานในการกระจายสินค้าไปยังตะวันออกกลาง-แอฟริกา-ละตินอเมริกา
3) การลงนามใน MOU ระหว่าง สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยกับ DP World ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดย Sultan Ahmed bin Sulayem เป็นผูัลงนามที่ ดูไบ เพื่อประโยชน์ในการขนส่งสินค้ารวมทั้งสินค้าประเภทผลไม้และบริการอื่น ๆ จากประเทศไทยไปยังท่าเรือต่าง ๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าโครงการแลนด์บริดจ์ที่ตั้ง อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ไว้สูงถึงร้อยละ 17.43 ตามผลการศึกษาของฝ่ายไทยนั้น ความสำเร็จของโครงการจะอยู่ที่ระยะเวลาการเดินทาง-ต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกตู้ขึ้นลงทั้ง 2 ฝั่ง-จำนวนตู้คอนเทนเนอร์ และสายการเดินเรือ ที่จะเข้ามาใช้บริการท่าเรือน้ำลึกทั้ง 2 ฝั่งที่คาดการณ์กันว่าสามารถร่นระยะเวลาการเดินทางจากปกติที่จะต้องผ่านช่องแคบมะละกาลงได้ 2-4 วันนั้น
ดังนั้น ผู้ร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ “จำเป็น” ที่จะต้องมีศักยภาพในการหาตู้คอนเทนเนอร์และสายการเดินเรือที่จะเข้ามาใช้บริการ นั้นหมายถึง หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง การเดินเรือและการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ในเส้นทางนี้จะต้องไปแย่งส่วนแบ่งจากท่าเรือสิงคโปร์ ซึ่งเป็นท่าเรือหลักและโลจิสติกส์ในปัจจุบัน