“สมชัย” ชี้ใช้ ม.44 กำหนดเบอร์เดียวทั่วประเทศ ช่วย กกต.ทำงานง่าย ปชช.ได้ประโยชน์

”สมชัย” ชี้ใช้ ม.44 กำหนดเบอร์เดียวทั่วประเทศ ช่วย กกต.ทำงานง่าย ปชช.ได้ประโยชน์ แนะ กกต.เปิดกว้างให้ทุกองค์กรเข้าสังเกตการณ์เลือกตั้ง ไม่ใช่จำกัดเฉพาะเครือข่าย เตือน พปชร.เสี่ยงถูกร้อง หากนำรูป “บิ๊กตู่” ขึ้นหาเสียงแต่ไม่เอาป้ายโครงการรัฐลง

เมื่อ‪เวลา 11.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม ‬ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี กกต.ปฏิเสธที่จะเสนอรัฐบาลใช้มาตรา 44 แก้ไขให้บัตรเลือกตั้งใช้แบบเบอร์เดียวทั่วประเทศว่า รูปแบบดังกล่าวจะทำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ สามารถหาเสียงได้ง่ายและสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนเลือกพรรคตัวเองได้สะดวกกว่า ส่วนพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กมองว่ารูปแบบนี้ทำให้ตัวเองเสียเปรียบเพราะส่งไม่ครบทุกเขต แต่ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและการเลือกตั้ง ถ้าใช้ระบบนี้ประชาชนจะไม่สับสนและคุ้นชินมานับ 10 ปี ขณะเดียวกัน กกต.ทำงานได้ง่ายขึ้นไม่ต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 350 แบบ การจัดส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้งต่างๆ ก็ไม่ต้องกลัวส่งผิด หรือส่งไม่ทัน รวมถึงการจัดส่งไปยังนอกราชอาณาจักร การสังเกตการณ์ขององค์กรเอกชนและการนับและรวมคะแนนก็ทำได้ง่าย

นายสมชัยกล่าวว่า การที่จะทำให้เบอร์เดียวได้มีสองแนวทาง คือครม.และกกต.ในฐานะผู้ปฏิบัติที่ทราบถึงปัญหาเสนอ สนช.และ คสช.ใช้มาตรา 44 ดำเนินการ โดยไม่ว่าเลือกทางใดทางหนึ่งควรทำให้เสร็จก่อนวันที่ ‪25 มกราคม 2562 ‬ซึ่งเป็นช่วงเวลาได้หมายเลขผู้สมัครและยังไม่ได้พิมพ์บัตร อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากเสนอให้สนช.แก้ไขเรื่องดังกล่าวใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ก็เท่ากับเป็นการประจานสนช.ว่าไม่พิจารณาให้รอบคอบสมบูรณ์ แต่ถ้าใช้ช่องทางมาตรา 44 อย่าลืมว่ารัฐบาลเคยใช้มาตราดังกล่าวแก้ไขปัญหามาหลายครั้งแล้ว เช่น แก้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แก้ไขเรื่องการแบ่งเขตไม่ทันตามกำหนดเวลา กกต. หรือการแก้ไขประกาศ ป.ป.ช.ให้ผู้บริหารระดับสูงของสภามหาวิทยาลัยไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน

“เข้าใจว่า กกต.มีภาระมาก แต่อยากให้มองสิ่งนี้ว่าทำให้การเลือกตั้งดีขึ้น ไม่ทำให้ประชาชนสับสน อย่ามองว่าการใช้มาตรา 44 เป็นเรื่องน่ารังเกียจ ทุกอย่างอยู่ที่เหตุผลถ้าใช้แล้วเกิดผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ก็จะเป็นประโยชน์” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวถึงกรณีที่ กกต.เปิดทางให้ผู้สังเกตการณ์ต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งว่า ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งแบ่งเป็นสองกลุ่มกลุ่มแรกคือ กกต.ของประเทศอื่นซึ่งเป็นเครือข่ายของสำนักงาน กกต.อยู่แล้ว เวลามีเลือกตั้งจะผลัดกันไปดูแต่ละประเทศ ข้อสังเกตที่ได้รับจะเป็นไปในทางที่ดี สองกลุ่มผู้สังเกตการณ์อาชีพจากองค์กรต่างชาติต่างๆ เช่น อัลเฟรล และอียู กลุ่มนี้จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา อาจจะไม่ถูกใจผู้มีอำนาจของบ้านเมือง แต่หากไทยสามารถจัดการเลือกตั้งได้ดี สุดท้ายก็จะได้รับคำชื่นชม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไร ทั้งนี้การที่ กกต.จะไฟเขียวให้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง ต้องไฟเขียวทุกกลุ่มไม่ใช่เลือกเฉพาะกลุ่มที่มีความสัมพันธ์อันนี้ เมื่อเปิดให้เข้ามาก็ต้องให้ดูทุกพื้นที่

นายสมชัยกล่าวถึงกรณีที่ กกต.จะกำหนดเรื่องการใส่รูปบุคคลในป้ายหาเสียงในระเบียบว่าด้วยการหาเสียงว่า กกต.ไม่ควรกำหนดรายละเอียดจุกจิกเกินไป และควรให้เป็นดุลพินิจของผู้สมัครและประชาชนที่จะเลือก เพราะหากไปขึ้นรูปบุคคลที่มีคดีหรือไม่เหมาะสมก็ส่งผลต่อคะแนนของผู้สมัครและพรรคเอง รวมทั้งเท่าที่ดูพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ได้กำหนดรายละเอียดไว้ แต่หาก กกต.จะไปออกระเบียบที่จำกัด จะกลายเป็นการออกกฎหมายเกินกว่ากฎหมายกำหนด กกต.ต้องพร้อมรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐประกาศขึ้นรูป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯของพรรคนายสมชัยกล่าวว่า ถ้าหากพล.อ.ประยุทธ์ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคจะขึ้นรูป พล.อ.ประยุทธ์กับผู้สมัครของพรรคหรือไม่ รูปของพล.อ.ประยุทธ์ที่ขึ้นในโครงการของรัฐต่างๆ ต้องเอาลงทั้งหมด เพราะไม่ใช่นั้นอาจมีผู้สมัครซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเลือกตั้งร้อง กกต.ว่ากระทำผิดกฎหมายฐานใช้ทรัพยากรของรัฐทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบ

 

ที่มา : มติชนออนไลน์