พปชร.บุกตีฐานอีสาน-เหนือ “สมศักดิ์-สุริยะ” สะสมชัยชนะ ชิงจัดตั้งรัฐบาล

แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินหน้าหาเสียงเข้มข้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน-ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคเครือข่ายนายทักษิณ ชินวัตร อย่างต่อเนื่อง

ตลอด 2 เดือน นับตั้งแต่ พปชร.เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 61 ประกาศศักดา ยิ่งใหญ่กว่าอดีตพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ที่มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตเลขาธิการพรรค ทรท. และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” อดีตแกนนำกลุ่มวังน้ำยม ปลุกปั้น

ยุทธศาสตร์-นโยบายการหาเสียงของพรรค นอกจาก “ออกแรงดูด” อดีต ส.ส.เกรด A-สอบตกแล้ว ยัง “ต่อยอด” นโยบาย “ประชารัฐ” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ส่งผลให้ “สุริยะ” มั่นใจถึงขั้น “ลั่นวาจา-เดิมพัน” อนาคตทางการเมืองของตัวเองว่า พร้อม “วางมือ” ทางการเมือง หากพื้นที่ จ.อุบลราชธานี-ขอนแก่น สอบตกหมดทุกเขต

เป็นความมั่นใจ ภายหลังควง “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรค-“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” เลขาธิการพรรค คลุกอยู่วงในพื้นที่ไฮด์ปาร์กตลอด 7 วัน 7 คืน จันทร์ถึงอาทิตย์

“อนุชา นาคาศัย” 1 ในอดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร-กรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ติดสอยห้อยตามสมศักดิ์-สุริยะ ทุกวงหัวคะแนน-วงวิเคราะห์ยุทธศาสตร์พรรค กล่าวถึงกระแสตอบรับการลงพื้นที่ว่า “กระแสตอบรับดีมาก-เกินคาด”

เขาประเมิน-ประมาณผ่านสายตาจากบนเวทีเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.-เสียงกระซิบจากหัวคะแนน-ผลสำรวจจากการทำโพล ก่อนจะ “ตกผลึก” เป็น “คะแนนดิบ” ออกมาเป็นตัวเลข 60 เก้าอี้จากภาคอีสาน-150 เก้าอี้จากทั่วประเทศ

“เราเป็นผู้แทน เวลาเราพบปะพี่น้องประชาชนจะรับรู้ความรู้สึก หรือการพบปะกับแกนนำ (หัวคะแนน) ต่าง ๆ เรารับรู้ได้ รวมถึงการทำโพลสำรวจในพื้นที่ ทุกอย่างสอดรับกันหมด จนคู่แข่งกลัว”

อดีตกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคไทยรักไทย ปฏิเสธการ “รุกหนัก” ในภาคเหนือและภาคอีสาน เพราะเป็นฐานที่มั่น-เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และ “ลูกพี่เก่า-ทักษิณ”

“ไม่ได้รุกหนักอะไรเป็นพิเศษ เป็นระบบการเมืองแบบปกติ การทำงานต่าง ๆ ก็เป็นไปตามระบบ พรรคต้องทำงานให้ทั่วทุกภาคอยู่แล้ว แต่ยุทธศาสตร์แต่ละภาค แต่ละพื้นที่อาจจะแตกต่างกัน ไม่ได้คิดว่าเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคการเมืองใด”

ปรากฏการณ์ “พลังดูด” อดีต ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองให้มา “ร่วมชายคา” พรรค ทำให้เปลี่ยนจากพรรคใหม่-พรรคโนเนม มาเป็น “พรรคใหญ่” และมีลุ้นเบียด-แซงพรรคเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ (ปชป.)

ประกอบกับนโยบายของพรรคที่ “ล้อ” ไปกับ “ผลงาน” ของ “รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์” ทำให้กระแสของพรรคติดทุกผลโพลคะแนนนิยมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล-ว่าที่นายกฯ

ขณะที่คอการเมือง-ชาวบ้านร้านตลาดเชื่อสนิทใจไปแล้วว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะเป็น 1 ในบัญชีนายกฯของพรรค แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะ “ยังไม่ตอบรับ” แบบเป็นลายลักษณ์อักษรก็ตาม

“ถ้าได้ พล.อ.ประยุทธ์มา (เป็น 1 ใน 3 บัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค) ตามที่เขาคิด เขานึกกันจริง ๆ เรตติ้งพรรคก็น่าจะกระฉูดอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” ยัง “รักษาระยะห่าง” กับพรรคการเมืองมากขึ้น และถ้าสุดท้าย “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ตอบรับเป็น 1 ในบัญชีนายกฯ ยุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคจะเดินต่ออย่างไร ?

“พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่ เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของพรรคอยู่แล้ว ซึ่งยุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคปัจจุบันนี้ ไม่ได้คำนึงว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับ หรือไม่ตอบรับ”

แกนนำพรรคพลังประชารัฐอีกรายเตรียมทางหนีทีไล่ยุทธศาสตร์ของการหาเสียงของพรรคว่า กุญแจแห่งความสำเร็จต้องประกอบไปด้วย “กุญแจ 3 ดอก” คือ 1.ชื่อบุคคลที่จะเข้ามาอยู่ในบัญชีนายกฯของพรรค ประชาชนส่วนใหญ่ OK หรือไม่ 2.นโยบายพรรคโดดเด่นแค่ไหน และ 3.ตัวผู้สมัครของพรรคที่ลงไปในพื้นที่เป็นอย่างไร

“วันที่ 24 ม.ค. จะคิกออฟนโยบาย หากร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้งประกาศในวันพุธ (23 ม.ค.) แต่หากร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งไม่ประกาศ ก็มีอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.ยังไม่เปิด หรือ 2.เปิดกรอบนโยบายกว้าง ๆ ไปก่อน” แกนนำ พปชร.ปิดท้ายระบุ

คลิกอ่าน… กกต.เคาะ 24 มีนาคม เป็นวันเลือกตั้ง รับสมัครส.ส. 4-8 กุมภาพันธ์