ทนายยัน “ยิ่งลักษณ์” หนีไม่กระทบคดีฟ้อง “จิรชัย” ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ศาลทุจริต

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 60 นายนพดล หลาวทอง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบคดีปกครองและคดีที่ฟ้อง นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนั้น กล่าวถึงว่า คดีที่ศาลอาญาทุจริตฯนั้น ได้นำพยานเข้าไต่สวนมูลฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว 3 ปาก ประกอบด้วย นายยรรยง พวงราช อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง กับผู้ที่เป็นเซอร์เวย์เยอร์ (ผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตราฐานสินค้า) ซึ่งยังเหลือพยานอีก 3 ปากที่จะนำเข้าไต่สวนมูลฟ้องนี้ ก็จะดำเนินต่อไป

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ขณะนี้ตัวไม่อยู่แล้วจะกระทบคดีที่ฟ้องหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า แม้อดีตนายกฯ ไม่อยู่ก็ไม่กระทบ เพราะเดิมอดีตนายกฯ จะไต่สวนประเด็นเกี่ยวข้อมูลและเอกสารที่ได้ยินมา แต่เมื่ออดีตนายกฯ ไม่อยู่ ก็ยังมีพยานอีก 3 ปากที่ยังดำเนินตามกระบวนการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป ซึ่งพยานที่เหลือจะไต่สวนเกี่ยวกับเอกสาร ส่วนอดีตนายกฯ ก็ต้องงดเป็นพยานไป

ส่วนคดีศาลปกครองกลางที่ได้ยื่นฟ้องเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังให้ชดใช้ค่าเสีย หายโครงการจำนำข้าวตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ และได้มีการร้องขอทุเลาการบังคับคดีในการอายัดทรัพย์ที่เป็นบัญชีเงินฝาก 7 บัญชีไว้แล้วนั้น นายนพดลกล่าวว่า ศาลปกครองกลางยังไม่มีคำสั่งใดๆแจ้งมา ซึ่งการที่อดีตนายกฯ ไม่อยู่ก็ไม่กระทบคดีเพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องการยื่นเอกสาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีอาญาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯยื่นฟ้องนายจิรชัยนั้น ขณะนี้เป็นเพียงการไต่สวนพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เพื่อศาลจะพิจารณาว่าคำฟ้องนั้นมีมูลเพียงพอที่จะประทับรับคำฟ้องไว้เพื่อมี คำพิพากษาหรือไม่โดยชั้นนี้ฝ่ายนายจิรชัย แต่งตั้งทนายความมาซักค้านพยานโจทก์ได้ และหากหลังจากไต่สวนพยานโจทก์ครบถ้วนในชั้นนี้แล้วศาลเห็นว่าไม่มูลก็มีคำ สั่งยกฟ้องได้ แต่ถ้าเห็นว่าคดีมีมูลก็จะดำเนินการไต่สวนพยาน 2 ฝ่ายเพื่อพิจารณาและมีคำพิพากษาต่อไป

ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจิรชัย ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากเห็นว่า นายจิรชัย ได้มีความเห็นให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวเป็นเงินจำนวน 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า นายจิรชัย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขาดความเที่ยงธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของคณะกรรมการฯชุดดังกล่าว ไม่ไต่สวนพยานบุคคล ไม่แสวงหาข้อเท็จจริง ไม่ตรวจสอบสินค้าคงเหลือให้ครบถ้วนและไม่สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งไม่ได้นำราคาข้าวสารที่คงเหลือในสต็อกมาคำนวณหักออกจากความเสียหาย ก่อนสรุปปิดบัญชี นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวยังไม่ได้สรุปว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความเสียหายที่ เกิดจากหน่วยงานใด แต่กลับกำหนดความเสียหายและกล่าวหากับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์

ซึ่งศาลชั้นต้นคดีศาลอาญา สมัยที่ยังเป็นเเผนกคดีคดีทุจริตและประพฤติมิชอบในศาลอาญา ได้ยกฟ้องในชั้นตรวจฟ้องเเต่ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง เเละศาลอุทธรณ์มีคำสั่งย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นซึ่งปัจจุบันเป็นศาลอาญาคดีทุ จริตเเละประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องคดีนี้

 

ที่มา มติชนออนไลน์