“บิ๊กตู่” ปลื้ม ยอดช็อปผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐสะพัด 3.2 หมื่นล้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า กระทรวงพาณิชย์มีการนำเสนอในที่ประชุม ครม.ว่าโครงการใช้บัตรสวัสดิการประชารัฐ โดยเฉพาะร้านค้าประชารัฐมีรายได้จำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทที่ขึ้นทะเบียนและติดตั้งเครื่อง EDC โดยเป็นบริษัทเกี่ยวกับสินค้าการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ มียอดใช้จ่ายกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท ทั้งสินค้าการเกษตร และสินค้าชุมชน นอกจากนี้ มีร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ 61,873 ร้านค้า ภาพรวมมีการมีการใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐมูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท เป็นความก้าวหน้าการค้าขายระดับล่าง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนมาตรการรองรับเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาสงครามการค้า ปัญหาด้านพลังงาน เราเตรียมทุกมาตรการ เพราะเราเป็นประเทศเล็กมีผลกระทบบ้างไม่มากก็น้อย ต้องหารือกันทั้งอาเซียนว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามราคาพืชผลด้านการเกษตร ต้องเข้มงวดในเรื่องนี้ ขณะนี้ราคายางได้ขึ้นไปถึง 57- 60 บาทต่อกิโลกรัม ค่อยๆ ขึ้นอย่างยั่งยืน โดยการเพิ่มการใช้ในประเทศ ดูกลไกข้างล่างที่เป็นเกษตรกร ซึ่งทำได้ดีกว่าเดิมเยอะจากเดิมกิโลกรัมละ 40 บาท ต้องแก้อย่างนี้ ขณะเดียวกันยังต้องหามาตรการอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนการปลูกพืช ต้องหาอาชีพเสริมให้ได้ ส่วนราคาปาล์มดิบกิโลกรัมละ 3 บาทกว่า ขณะเดียวกัน ยังต้องแก้ปัญหาเรื่องแก๊ส NGV ถ้าว้นข้างหน้ามีการพัฒนา E20 มากขึ้น อาจทำให้ NGV มีความนิยมลดลง และต้องปรับวิธีการจำหน่าย E20 แทน ทั้งหมดต้องแก้ปัญหาที่เหมาะสม

เร่ง “พาณิชย์” ทำความเข้าใจ IUU

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายว่า ได้ติดตามจากสื่อโทรทัศน์ รวมถึงชมการให้สัมภาษณ์ของประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นการรับฟังความคิดเห็นชองนายกฯ พบว่ามียังไม่มีความเข้าใจกันอยู่หลายอย่าง แต่ประมงพื้นบ้านมีความพอใจในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของ IUU แต่ประมงพาณิชย์ยังมีติดปัญหาอยู่บ้างในด้านต้นทุน รวมถึงยังต้องทำความเข้าใจเรื่องการนำสัตว์น้ำจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศไทย หาจุดสร้างความเข้าใจกันมากขึ้น เพราะประเทศไทยส่งออกสินค้าสัตว์น้ำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น สินค้าที่มาจากประมงของเราเองยังต้องมีมาตรการภาษีเข้ามาเสริมมากมาย จะให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจ้ง อย่างไรก็ตาม ขอบคุณประมงพาณิชย์ และประมงพื้นบ้านที่เข้าใจหลักการของ IUU

“แต่เราต้องหาวิธีการแก้ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ต่อไป อย่าย้อนกลับไปที่เก่าอีกเลย มีคนพูดจาให้เกิดความเสียหาย อะไรที่ทำได้แล้วจะกลับไปที่เก่าทำไม เพราะเรื่องนี้เป็นความยั่งยืนในอนาคตด้านประมงของเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีการสั่งการให้ปรับพื้นที่ไม่ให้เป็นชายหาดที่เสื่อมโทรม ให้ทำแบบนี้ในทุกชายหาดที่สำคัญโดยมีกรมเจ้าท่ารับผิดชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม พื้นที่ชายหาดบางส่วนต้องกันพื้นที่บางส่วนให้มีการค้าขายได้ และมีส่วนตรงกลางให้เป็นพื้นที่ของการออกกำลังกายทั้งทางบกและทางน้ำ รวมถึงถนน ซึ่งสาเหตุที่จำเป็นต้องจัดระเบียบต้องคิดว่าจะพัฒนาการค้าที่ไม่กีดขวางการจราจร และไม่บดบังภาพลักษณ์ที่สวยงาม

สั่งหาทางทำแก้มลิงเพิ่ม แก้น้ำท่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงมาตรการบริหารจัดการน้ำใน กทม.ว่า ได้สั่งการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ไปแล้ว ไม่เฉพาะแค่ใน กทม. แต่ยังรวมถึงเมืองใหญ่และเส้นทางการจราจรต่างๆ ขอให้นำแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 มาสืบสานต่อยอด โดย สทนช.ต้องหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และ กทม. จัดทำแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ เป็นการเก็บน้ำใต้ดินและพื้นที่เปิด แอ่งไหนเดือดร้อนมากก็ต้องจูงน้ำไปกักเก็บไว้ก่อน ใช้วิธีการแบบแก้มลิง จึงให้หาทางอยู่ รวมถึงถนนเส้นทางต่างๆ โดยให้กระทรวงคมนาคมไปสำรวจ เช่น ถนนที่มุ่งหน้าไป จ.ชลบุรี มีน้ำท่วมข้างทางตลอดเวลา จะสามารถใช้แนวทางตามแนวพระราชดำริได้ไหม ทั้งนี้ ขอให้เข้าใจว่าการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต้องทำอย่างนี้