“สมคิด” แจง รัฐบาลจำเป็นต้องลงทุน เผย คกก.อุทธรณ์ได้ข้อสรุป “แหลมฉบังเฟส 3” ต้นสิงหา

เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่รัฐสภาชั่วคราว อาคารทีโอที แจ้งวัฒนะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงนโยบายของคณะรัฐมนตรีช่วงหนึ่งระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 2 ว่า ความจำเป็นในการลงทุนและการกู้ยืม ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ถ้าไม่ลงทุนเลย จะเสียโอกาสและเสียจังหวะในการพัฒนา รัฐบาลจึงจำเป็นต้องกู้ยืม

การจัดทำงบประมาณสมดุลเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ดีเสมอไป เพราะการลงทุนเป็นสิ่งจำเป็น รัฐบาลพยามยามหาแหล่งเงินทุนต่าง ๆ อาทิ การกู้ยืม งบประมาณ การร่วมลงทุนกับเอกชน การจัดทำกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

อย่างไรก็ดีรัฐบาลที่ผ่านมายังได้ออกกฎหมายวินัยการเงินการคลัง กฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เกิดการตรวจสอบได้โดยบุคคลภายนอก แต่ที่สำคัญไม่ใช่เป็นการตรวจสอบภายในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงการตรวจสอบจากองค์กรระหว่างประเทศด้วย อาทิ ธนาคารโลก ฟิทช์ เรทติ้งส์ มูดี้ส์ เอสแอนด์พี เสมือนกับกระจกส่องหน้า เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

นายสมคิดกล่าวว่า เมื่อมีความจำเป็นต้องลงทุน เช่น โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) เป็นการลงทุนที่สำคัญ  เพราะจะเป็นจุดขายของประเทศในอนาคต เป็นตัวเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ที่สร้างรายได้ให้กับประชาชนของเรา เช่น โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3

“เป็นความจริงที่ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติได้กล่าวไว้ว่า มีกลุ่มบริษัท 2 กลุ่ม ที่เข้าประมูล และปรากฏว่าคณะกรรมการคัดเลือกได้ระบุว่า มีกลุ่มหนึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติ จึงให้เปิดซองคุณสมบัติกลุ่มแรกไปก่อน และให้กลุ่มที่สองไปร้องศาลปกครอง ศาลปกครองบอกว่าให้เป็นไปตามคณะกรรมการอุทธรณ์และให้ไปร้องที่อุทธรณ์ เมื่อถ้าอุทธรณ์มาเป็นประการใด ศาลก็จะตัดสินออกมาเป็นประการใดและให้เป็นไปตามการตัดสินของศาล”

นายสมคิดกล่าวว่า ขณะนี้ได้ทราบข่าวเรื่องการอุทธรณ์ใกล้เสร็จแล้ว และจะเข้าสู่คณะกรรมการใหญ่ในช่วงต้นเดือนหน้า (ส.ค.) ขอให้ติดตาม มีเรื่องใดบ้างที่ยังขาดตกบกพร่อง มีความโปร่งใสหรือไม่ ขอให้ตรวจสอบได้ รัฐบาลยินดีอย่างยิ่ง