พรรคฝ่ายค้านปักหมุดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขยับไปต้น ก.พ. 2563 จากเดิมที่จะให้จบกระบวนการตอนเดือน ม.ค. 2563
แต่เป้าหมายยังล็อกเป้าซักฟอกไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
ควบคู่อีกสอง คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (บิ๊กป๊อก) พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ (บิ๊กป้อม) อยู่ในข่าย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ รวมถึง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ จองกฐินอภิปรายไว้ 3 วัน
แต่เฉพาะของเพื่อไทย ที่มี “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ เป็นหัวขบวน มีขุนพลผู้อภิปรายราว 10-15 คน
พร้อมทั้งตัดชื่อ “พล.อ.ประวิตร” ออกจากผู้ถูกซักฟอก เหลือแค่ 5 ชื่อ ปล่อยให้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ลับมีด
“สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเปิดหัวซักฟอก พุ่งเป้าไปที่ “พล.อ.ประยุทธ์” โดยเฉพาะแผลเก่า ที่ถูกนำมาขุดใหม่
โดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา ย่านบางบอนซอย 3 เนื้อที่ 50-3-08 ไร่ ให้กับบริษัทหนึ่งที่เป็นนอมินี ของเจ้าสัวคนดัง โยงถึงการแก้ไขสัญญาร่วมทุน รีโนเวต-ต่อสัญญาสัมปทาน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยในยุครัฐบาล คสช.ได้ทำสัญญาใหม่ โดยไม่เปิดประมูล
ยังรวมถึงการซื้อขายที่ดินย่านบางนา-ตราด ซึ่งสำนักงานบังคับคดีสมุทรปราการ ประกาศขายทอดตลาดที่ดินของบริษัท เอคิว เอสเตท ของกลุ่มกฤดามหานคร จำนวน 214 แปลง เนื้อที่ประมาณ 4,114 ไร่
ซึ่งราคาประเมินเดิมตารางวาละ 1.2 หมื่นบาท แต่กลับขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมินเหลือตารางวาละ 4 พันบาทเท่านั้น และบริษัทที่ชนะการประมูลก็คือบริษัทร่วมทุน ของเจ้าสัวคนดังเช่นกัน
ซ้ำดาบสองด้วยความสามารถในการบริหารประเทศของ “พล.อ.ประยุทธ์” บุคคลที่อยู่ในข่ายที่ขึ้นอภิปราย เช่น ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.
ส่วน “วิษณุ” เกจิกฎหมายรัฐบาล กับ “ดอน” รมว.การต่างประเทศ เพื่อไทยล็อกเป้าไปที่ปมอื้อฉาว “บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส” ตามที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องดำเนินคดี 2 คดี 1.การนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ รวมราคาบุหรี่และค่าอากร 20,210,209,582.50 บาท
2.การเข้าไปล้วงลูกการดำเนินคดีของอัยการ เพื่อบรรเทาค่าเสียหายให้บริษัท “ฟิลลิป มอร์ริส” ถูกกล่าวหา
หลบเลี่ยงการเสียภาษีนำบุหรี่เข้ามาในประเทศกว่า 6.8 หมื่นล้าน ตัวอภิปรายหลักมี “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม
ส่วนด้านเศรษฐกิจ พุ่งเป้าไปที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ แน่นอนว่าต้องมีชื่อ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” จากพรรคเศรษฐกิจใหม่จองกฐินไว้ อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้ให้มีที่ยืนในซีกฝ่ายค้าน หลัง 4 ส.ส.เศรษฐกิจใหม่ทอดสะพานไปยังพรรคซีกรัฐบาล
ยังมีคนอื่น ๆ ที่เรียงคิวซักฟอก อาทิ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม. สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ฯลฯ รวม 25 คน เป็นอย่างน้อย
เพื่อไทยเฉลยข้อสอบให้รัฐบาลเตรียมตัวตอบไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ด้าน “อนาคตใหม่” คัดดาวอภิปราย 10 คน แม้รายบุคคลที่จะซักฟอก ต้องรอหารือกับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้
“ซ้ำซ้อน” แต่เบื้องต้นล็อกเป้า “พล.อ.อนุพงษ์” ไปที่การใช้จ่ายงบฯท้องถิ่น การออกเรื่องระเบียบค่าใช้จ่าย
พ.ศ. 2562 ที่เอารัดเอาเปรียบท้องถิ่น โดยการคุมค่าใช้จ่าย-การนำเข้าขยะจากต่างประเทศ โยงกับนักลงทุนจีนที่ได้รับอนุญาตให้ผู้ประกอบการเพียง 2 ราย ที่ได้รับอนุญาตนำเข้าขยะ รวมถึงปมโรงไฟฟ้าขยะ
ปมโรงกำจัดขยะ-โรงไฟฟ้าขยะ เป็นเรื่องที่ “พล.อ.อนุพงษ์” ไม่อยากได้ยินตั้งแต่ยุค คสช. เพราะโยงถึงบุตรชาย ซึ่งพรรคเพื่อไทยหาหลักฐานมานานอาจมีแท็กทีมระหว่าง เพื่อไทย-อนาคตใหม่
ปมซักฟอกของเพื่อไทย-อนาคตใหม่ขุดของเก่าในรัฐบาลทหาร คสช.มาเล่าใหม่ ท่ามกลางเสียงโต้แย้งฝ่ายรัฐบาลพลังประชารัฐว่า ไม่ควรขุดของเก่ามาเล่น
ด้าน “พรรคประชาชาติ” ที่มี “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” หัวหน้าพรรค เตรียมซักฟอกบุคคลในรัฐบาล 3 คน แต่ยังอุบชื่อ-รอเจรจากับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้อภิปรายซ้ำซ้อน หวันรัฐบาลตีรวน
แต่ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาชาติยืนยันว่า เรื่องที่จะอภิปรายหนึ่ง คือ อภิปรายเรื่องการทำงาน ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายการทำงานที่ต่อเนื่องกันมาได้จากรัฐบาล คสช. ไม่มีกติกาข้อห้ามอะไร
สอง เรื่องคือการอภิปรายพฤติกรรมของบุคคล เว้นแต่เคยมีการอภิปรายมาแล้ว ไม่ควรอภิปรายซ้ำอีก แต่รัฐบาลนี้ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว และยังไม่เคยถูกอภิปรายมาก่อน ดังนั้น เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับรัฐมนตรีสามารถพูดได้ ไม่มีรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับการประชุมสภาห้าม ประธานสภาเป็นผู้พิจารณา ถ้าไม่ซ้ำซากก็อภิปรายได้ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่ต่อเนื่องกันมา 5-6 ปี
กระนั้น ยังไม่นับคิวอภิปรายของ “เสรีรวมไทย” ของ “เพื่อชาติ” ที่เกาะขบวนอภิปรายไปด้วย อย่างไรก็ตาม เป้าฝ่ายค้านไม่หวังล้มรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เพราะขณะนี้ไม่ได้มีสถานะเป็น “รัฐบาลปริ่มน้ำ” อีกต่อไป แต่ลอยเหนือน้ำมาพอสมควร
ซักฟอกคราวนี้ ฝ่ายค้านหวังแค่ทำให้รัฐบาล “ระคายผิว” เพราะข้อจำกัดที่ “ดาวอภิปราย” ของเพื่อไทยในอดีตถูกกันไว้วงนอก ไม่ได้เป็น ส.ส.
แม้ไม่เอาให้ถึงตาย แต่ก็ขอแค่ฉีกหน้ารัฐมนตรีบางรายให้เลือดซิบ ๆ หวังให้มนุษย์การเมืองในโซเชียลออกมารุมขย้ำ