นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำกลุ่มแคร์ ชี้ การออกคำสั่งของ ผบ.ตร. ปิดวอยซ์ทีวี ขัดกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันที่ 20 ตุลาคม 2563 นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แกนนำ กลุ่มแคร์ กล่าวถึงความ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ของการออกคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ 4/2563 เรื่อง ให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะตามข้อ 2 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ที่ระบุให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) ดำเนินการเพื่อการตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการหรือระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์แล้วแต่กรณีตามหน้าที่และอำนาจ
“เนื่องจากปรากฏว่าได้มีการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทางโทรทัศน์ด้วยการนำเสนอเนื้อหารายการบางส่วนของ วอยซ์ทีวี และ/หรือสื่อสังคมออนไลน์ อันได้แก่ Voice TV, ประชาไท Prachatai.com, The reporter, THE STANDARD และ เยาวชนปลดแอก Free YOUTH” คำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ฯ ที่ 4/2563 ระบุ สั่ง ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2563 ลงนามโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดีอีเอส กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ว่า วันนี้ศาลมีคำสั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของวอยซ์ทีวีแล้ว ส่วนอีก 3 สื่อ ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา ซึ่งกรณีวอยซ์ทีวี เข้าข่ายหลายองค์ประกอบความผิด ทั้งขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมถึง พ.ร.บ.คอมฯ ด้วย
โดยนพ.สุรพงษ์ ระบุว่าเหตุผลการเกิด สุญญากาศของอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ ไม่มีผลใช้บังคับแล้ว ซึ่งสามารถฟ้องกลับได้ เพราะไม่ประกาศให้สาธารณชนรับรู้ และวันนี้ที่มีคำสั่งปิดวอยซ์จะอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ เพราะสิ้นสุดการบังคับใช้แล้ว ดังนี้
- พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ดังนั้นจึงระบุตัวผู้รับผิดชอบการใช้อำนาจชัดเจนและจำกัดเวลาในการใช้
- ผู้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ นายกรัฐมนตรีที่รวบรวมอำนาจจากรัฐมนตรีมารวมศูนย์ในการออกข้อกำหนดต่างๆ
- ตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้อำนาจนายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหะสถานตามเวลาที่กำหนด (เคอร์ฟิว) ห้ามชุมนุม ห้ามเสนอข่าวบิดเบือน ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ห้ามใช้อาคาร
นพ.สุรพงษ์ไฮไลท์ “ข้อความสำคัญ” ไว้ ว่า 4.ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีมอบอำนาจให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ ออกข้อกำหนดแทนได้ แต่ต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว และถ้านายกรัฐมนตรีไม่ได้ออกข้อกำหนดเดียวกันภายใน 48 ชั่วโมง นับจากเวลาที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบ ฯ ออกข้อกำหนดให้ข้อกำหนดนั้น “สิ้นผลใช้บังคับ”
5.คำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ฯ ที่ออกก่อนหรือออกภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ไม่มีผลใช้บังคับแล้ว เพราะเกิน 48 ชั่วโมง และยังไม่มีคำสั่งของนายกรัฐมนตรีในข้อกำหนดเดียวกันออกมาทดแทน
6.การปิดวอยซ์ทีวีในวันนี้จึงไม่สามารถอ้างอิงอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้เพราะเป็นคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ซึ่งสิ้นผลใช้บังคับแล้ว (เพราะไม่มีประกาศข้อกำหนดเดียวกันลงในเว็บไซต์ราชกิจจาบุเบกษาเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ภายในวันที่ 19 ตุลาคม 2563 หรือ ภายใน 48 ชั่วโมง)
7. การปิดวอยซ์ทีวีไม่สามารถอ้างอิง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุไว้ในมาตรา 35 ว่า การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพจะกระทำมิได้ และมาตรา 5 ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายอื่นที่ขัดแย้งรัฐธรรมนูญ ใช้บังคับมิได้
8.ถ้าประสงค์จะปิดวอยซ์ทีวีและสื่อมวลชนอื่น ห้ามชุมนุม ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอง ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้และต้องพร้อมรับผิดชอบ
- ด่วน! ศาลสั่งปิดเพจเฟซบุ๊ก-ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ วอยซ์ทีวี
-
Voice TV-The reporter-THE STANDARD ยันทำหน้าที่สื่อตามหลักวิชาชีพ