พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์-ประยุทธ์ ลงนามสัญญา จองวัคซีนโควิด 26 ล้านโด้ส

ประยุทธ์ ลงนาม วัคซีนโควิด-19 AstraZeneca – สยามไบโอไซเอนซ์ ในพระปรมาภิไธย ผลิต-ถ่ายทอดเทคโนโลยี

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีน COVID – 19 โดยการจองล่วงหน้ากับบริษัท AstraZeneca จำกัด 26 ล้านโด้ส โดยมีผู้ลงนามผ่านการประชุมทางไกลโปรแกรมซูมจากสหราชอาณาจักร

ได้แก่ Mr.Pascal Soriot เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท AstraZeneca นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และนายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท AstraZeneca (ประเทศไทย) และสักขีพยาน อาทิ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง ในฐานะประธานกรรมการบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นวิกฤตการณ์ที่สร้างความเสียหายทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ ของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ชองคนทั้งโลก ขณะเดียวกันประเทศไทยควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว ด้วยความร่วมมือของพวกเราทุกคน ร่วมแรงร่วมกันทุกภาคส่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างจริงจัง แต่ทุกคนยังต้องระมัดระวังต่อไป ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นอีก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาด จึงมีมาตรการป้องกัน เช่น การสวมหน้ากาก การล้างมือ และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขและทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดันในการจัดหาวัคซีนทำให้ครั้งนี้สามารถดำเนินการได้และกำลังจะใกล้บรรลุเป้าหมาย คาดว่าคนไทยจะมีวัคซีนโควิด-19 ปี 2564

ทั้งนี้ การเตรียมการภายใน หลังจากได้รับวัคซีนโควิด-19 มาแล้ว โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย เพื่อแจกจ่ายและบรรจุ เพื่อให้มีความพร้อม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากภายในประเทศแล้ว ภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอาเซียนจะต้องดูแลซึ่งกันและกัน เพื่อให้เป็นสินค้าสาธารณะและทุกคนเข้าถึง สำหรับการวิจัยและพัฒนา เช่น ยาและวัคซีน รัฐบาลให้ความสำคัญผ่านการตั้งกองทุนและระเบียบใหม่ด้านการพัฒนา ซึ่งมีหลายผลิตภัณฑ์ เพิ่มรายได้ให้กับประเทศในอนาคต ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 สิ้นสุดแล้ว ประเทศต้องเดินหน้ามากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อฟื้นฟูสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา

“ประเทศไทยต้องพึ่งตัวเองให้ได้ในเรื่องวัคซีน และต้องมีวัคซีนที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับประชาชน ทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความมั่นคงด้านสุขภาพ ซึ่งควบคู่ไปกับเศรษฐกิจเสมอ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีอีกครั้ง ว่า วันนี้ถือเป็นครั้งสำคัญในการลงนามเพื่อค้นคว้าและวิจัยในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะผลิตได้ในต้นปี 2564 จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บริษัทที่มาลงนามในวันนี้ คือ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย ซึ่งเป็นพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า เราต้องมีบริษัท หรือ หน่วยงานผลิตยาและวัคซีนให้กับคนไทย เพื่อให้เกิดความทั่วถึง เป็นสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดตรงนี้มา และทรงพระราชานุญาตให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นบริษัทถ่ายทอดเทคโนโลยีและผลิต

“วันไหนได้ทำในสิ่งที่ไม่มีปัญหาผมก็มีความสุข ตราบใดที่ประเทศชาติยังไม่เรียบร้อย คนเป็นนายกฯ เป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรีไม่มีความสุขหรอก แต่ความสุขต้องอยู่ในกรอบที่จำเป็น บนสิทธิและเสรีภาพ ความรับผิดชอบ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ไม่งั้นประเทศก็ตีกันตาย”