“ธนาธร” โต้ “ประยุทธ์” ตรวจสอบรัฐบาลปมวัคซีน ทำไมโดน 112

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ธนาธร แถลงข่าว ปมวิจารณ์รัฐบาลเอื้อประโยชน์บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ แค่ตรวจสอบการใช้ภาษีของประชาชน ทำไมถึงถูกตั้งข้อหามาตรา 112

วันที่ 21 มกราคม 2564 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงข่าวกรณี ถูกแจ้งความการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คดีอาญา มาตรา 112  และผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560 ว่า รัฐบาลได้มีการแจ้งความกับตนจากการที่เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยข้อหาที่ยัดเยียดคือการกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้สังคมเข้าใจผิดในเจตนาของเรา พวกเราสนับสนุนให้มีการเจรจาต่อรองวัคซีนกับบริษัทต่าง ๆ ให้ประเทศไทยมีวัคซีนที่ดีใช้ในจำนวนที่ครอบคลุมประชากรมากที่สุดและรวดเร็วที่สุด ดังนั้น เราให้กำลังใจบุคลากร ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังดำเนินการเจรจาวัคซีนให้กับประเทศไทย

แต่ประเด็นที่ทำให้ต้องออกมาแถลงข่าวนั้น ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ประเทศไทยตอนนี้จัดหาวัคซีนที่มีความชัดเจนแล้วได้เพียง 27.5% ของจำนวนประชากร

เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ มาจากแอสตร้าเซนเนก้า 26 ล้านโดส มาจากซิโนแวค 2 ล้านโดส 21.5% แน่นอนมีการเจรจากับซิโนแวค และขอเจรจาขอซื้อจากแอสตร้าเพิ่ม โดยมีมติ ครม.ออกมาช่วงต้นปี 2564 แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง ตัวที่มีความชัดเจนมากที่สุดมีแค่ 21.5% ของจำนวนประชากร ที่สำคัญคือไทยยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ประเทศอื่นเขาฉีดกันไปแล้ว

นายธนาธรกล่าวว่า และข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ หลาย ๆ ประเทศทั่วโลก มีกลยุทธ์ในการจัดหาวัคซีนให้กับประชากร ซื้อจากหลากหลายบริษัท ดังนั้น เรื่องนี้สำคัญเพราะเกี่ยวข้องกับอนาคต และเศรษฐกิจของประเทศไทย

ถ้าประเทศไทยมีการจัดซื้อจัดหาวัคซีนได้ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน ได้น้อยกว่า และฉีดช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจเรา เพราะการมีวัคซีนเริ่มผลิต เริ่มใช้งานได้ เหมือนกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เราจะหลุดพ้นจากเศรษฐกิจชะงัก แต่อย่าลืมว่าวันนี้เรายังอยู่ในอุโมงค์ ตราบใดที่ยังฉีดจำนวนไม่มากพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมได้ เรายังอยู่ในความมืดมิด

ถ้าประเทศไหนสร้างภูมิคุ้มกันได้เสร็จก่อนก็มีโอกาสฟื้นตัว กลับมาฟื้นประเทศจากโควิดได้เร็วกว่าประเทศอื่น นักท่องเที่ยวจะกลับมาเร็วกว่า การเจรจาธุรกิจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าคนอื่น ประชาชนจะใช้ชีวิตปกติได้เร็วกว่าคนอื่น แต่ถ้าฉีดช้าไป 6 เดือน ประชาชนต้องทนอีก 6 เดือน อาจจะเกิดการระบาดรอบ 3 รอบ 4 รอบ 5 ประชาชนใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว นี่คือความเสียหายทางเศรษฐกิจ เป็นเหตุผลที่ออกมาบอกรัฐบาล

“วันนี้เรามีดีลวัคซีนที่ทำกับแอสตร้าเซนเนก้าอย่างเป็นทางการขนาดใหญ่ดีลเดียวเท่านั้น และมีบริษัทเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทเอกชนต้องเป็นองค์กรที่แสวงหากำไร ปิดชื่อผู้ถือหุ้นนี้ออกไป บริษัทนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล 600 ล้านบาท จากภาษีของประชาชน และภายหลังมีการเพิ่มเป็น 1,400 ล้านบาท แล้วประชาชนไม่สมควรตรวจสอบว่ามีความปกติไหม เหมาะสมมากที่สุดหรือไม่ เพราะเงินที่เอาไปสนับสนุนบริษัทนี้มาจากภาษีประชาชน” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวว่า และปรากฏชัดจากเอกสาร 3 ดีล ไม่ใช่ 3 ดีลที่เกิดขึ้นอย่างเป็นเอกเทศ 1.แอสตร้าเซนเนก้า กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ 2.แอสตร้าเซนเนก้ากับรัฐบาลไทย 3.รัฐบาลไทยที่ให้เงินกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นดีลเดียวกันที่มีการเจรจาร่วมกัน มีความเกี่ยวโยงกัน และวัคซีนที่กำลังพูดถึงนี้มาจากภาษีประชาชน

รัฐบาลไทยสั่งซื้อวัคซีนกับแอสตร้าเซนเนก้า แอสตร้าเซนเนก้าจ้างบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ผลิตวัคซีน ปฏิเสธกันไม่ได้ เราตรวจสอบการใช้เงินที่มาจากภาษีประชาชนกับทุกบริษัทที่เป็นเอกชน บทบาทของตน และ เพื่อนของตนที่ย้ายไปอยู่พรรคก้าวไกลตอนนี้ก็ชัดเจน พูดถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับคิงพาวเวอร์ไม่รู้กี่ครั้ง ในสมัยตนที่ยังดูเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็พูดถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนในกรณีรถไฟฟ้าสายสีทอง

“การตรวจสอบการใช้ภาษีของประชาชน เราทำมาตลอด เรามีความเชื่อได้ว่า 3 สัญญาก้อนใหญ่ทั้งหมด ไม่ได้เจรจาอย่างเป็นเอกเทศ เพราะเอกสารทั้งหมดชี้ไปทางนั้น ไม่มีการคัดเลือก มีการเปรียบเทียบ ดังนั้น จึงต้องตั้งคำถาม

และที่สำคัญที่สุด เมื่อพวกเราตั้งคำถามกับการที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรได้น้อย และได้ฉีดช้า รัฐบาลมีการเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ผมโดน ถูกรัฐบาลฟ้องว่าทำผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ และกฎหมายอาญามาตรา 112” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธรกล่าวว่า ลองย้อนไปดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ บิดเบือนประเด็นทุกครั้งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงาน หรือการทำงานที่ผิดพลาดของเขา โดยอ้างว่าจงรักภักดี ปกป้องสถาบัน

นายธนาธรกล่าวว่า ถามว่าต่อไปใครวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะโดนคดีปิดปากอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ เราในฐานะพลเมืองไทยในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับประเทศต้องออกมาหาทางออกร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่ถูกแจ้งความมาตรา 112 เป็นเพราะใช้คำว่า “วัคซีนพระราชทาน” หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นคนเริ่มใช้ มีคนเริ่มใช้มาก่อน ถ้าเป็นเรื่องของบริษัทเอกชนก็ให้เป็นเรื่องของบริษัทเอกชน แต่มีคนเริ่มใช้ชื่อนี้มาก่อน สื่อมวลชนไปค้นได้ ไม่ใช่ตน

ข้อเท็จจริงคือการจัดซื้อวัคซีนครั้งนี้มาจากเงินภาษีของประชาชน รัฐบาลเอาภาษีไปสั่งซื้อวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้า และแอสตร้าเซนเนก้าเอาเงินส่วนนั้นจำนวนหนึ่งไปสั่งจ้างบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นผู้ผลิต

เมื่อถามว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เป็นบริษัทที่ไม่แสวงหากำไร นายธนาธรกล่าวว่า วัคซีนดีลนี้แอสตร้าเซนเนก้าพูดชัดว่า no profit no loss กับทุกบริษัทไม่เฉพาะประเทศไทย แต่เราเคยเห็นบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ออกมาพูดหลักการนี้หรือไม่

ดังนั้น ถ้าจะพูดว่า profit no loss ต้องเปิดเอกสารมาว่ารัฐบาลไทยกับสยามไบโอไซเอนซ์ แอสตราเซเนกากับสยามไบโอไซเอนซ์ มีการพูดเรื่องนี้ตลอดทั้งซัพพลายเชนหรือเปล่า ถ้าอยากให้รู้ก็เปิดเอกสารมา

“ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่จนถึงวันนี้ไม่มีสิ่งใดเลยที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้แต่นิดเดียว เพื่อให้ผมและพวกพ้องได้ประโยชน์ สิ่งที่เราทำทั้งหมดตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เพราะเราห่วงลูกหลาน ห่วงประเทศ เพราะอยากเห็นประเทศที่ดีกว่านี้

ผมอายุ 42 ปี ผมทำงานการเมืองมา 2 ปี ก่อนทำการเมืองคดีสักคดีเดียวก็ไม่เคยมี ไม่เคยขึ้นโรงพัก ไม่เคยขึ้นศาล พอทำงานการเมืองตอนนี้มีนับไม่ถ้วน ผมยืนยันความปรารถนาดีของเราต่ออนาคตของชาติบ้านเมือง ของลูกหลาน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาแล้วและที่จะทำต่อไป ไม่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องเลย” นายธนาธร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนหนึ่งนายธนาธรได้เปิดคลิปการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่เป็นประธานการลงนามจองวัคซีนโควิด  คลิปดังกล่าวเป็นการแถลงข่าวเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งการที่ตนเองตั้งคำถามต่อการใช้งบประมาณของรัฐบาล แต่กลับถูกยัดเยียดคดีนั้นเป็นธรรมหรือไม่