“บิ๊กป้อม” สยบทุกก๊กในรัฐบาล เคลียร์ศึกพลังประชารัฐ ฝ่าสมรภูมิซักฟอก

รายงานพิเศษ

เปิดฉากศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กินเวลาอย่างน้อย ๆ 4 วัน 4 คืน กว่าจะลงมติในวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 หรืออาจเกินกว่านั้น

ตามคิวประเดิมวันแรก “พล.อ.ประยุทธ์” ถูกฝ่ายค้านลากขึ้นเขียงซักฟอกคนเดียววันครึ่ง แต่แกนนำฟากรัฐบาลอย่าง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้คำมั่นใจหลังจากเปิดห้องซักซ้อมคิว-ติวเข้มเมื่อ 13-14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า

“ไม่มีรัฐมนตรีคนไหนน่าเป็นกังวล และนับว่าเป็นผลสำเร็จดียิ่งในการชี้แจงทำความเข้าใจ ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีจะสามารถตอบข้อสอบได้ทุกข้อ ทุกประเด็น ผู้เข้าร่วมสัมมนาพอใจที่จะยกมืออย่างเต็มใจให้ผู้ถูกอภิปราย”

“แม้แต่นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาร่วมงานสัมมนา ก็ส่งข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายที่ท่านมีอยู่มาให้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล ทุกคนมีความมั่นใจว่าจะชี้แจงได้ทุกข้อทุกประเด็น”

“คะแนนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เท่ากันทุกคนไม่มีปัญหาอะไร จากทุกพรรคการเมือง และจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคน ซึ่งยืนยันว่าทิศทางการลงคะแนนจะเป็นไปในทางเดียวกัน”

“เราได้ทำความเข้าใจชี้แจงกันก่อน ให้ปราศจากข้อสงสัยในความกังวลที่จะยกมือโหวตและยืนยันว่า พรรคเล็กก็ไม่มีปัญหาอะไร ให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล”

มั่นใจพรรคร่วมเอาตัวรอด

เพราะรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกจองกฐิน มั่นใจจะเอาตัวรอดไปได้ ทั้ง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาล

โดย “นิพนธ์” แห่งค่ายประชาธิปัตย์ ที่จะถูกอภิปรายปมเมืองอุตสาหกรรมต้นแบบแห่งอนาคต อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เชื่อมั่นว่าทุกอย่างโปร่งใส โดยเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กำหนดไว้ตามกฎหมายปี 2553 “มั่นใจว่าจะอธิบายทุกประเด็น ไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

ขณะที่ “จุรินทร์” ที่ถูกถล่มเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่ากว่า 261,500 ล้านบาท มั่นใจจะอภิปรายได้พ้นข้อกล่าวหาไปได้

แต่ข้อมูลที่จะตอบฝ่ายค้านยังขอเก็บเงียบแม้แต่กับวงสัมมนาพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเอาไว้เปิด “หน้างาน” ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจทีเดียว กลัวข้อมูลหลุดไปถึงหูฝ่ายค้าน

ส่วน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่มีเสียวเรื่องปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว โรงกำจัดขยะ ซึ่ง “พล.อ.อนุพงษ์” ตอบข้อซักถามเรื่องการสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในที่ประชุมสัมมนาวิปฝ่ายค้าน ทำไมไม่ดำเนินการให้เสร็จในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทั้งที่มีอำนาจเต็มว่า เป็นเรื่องต้องดูให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายตัว

ไม่ห่วง ปชป. แต่ห่วงภูมิใจไทย

ทว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลือกเตรียมข้อมูลกันภายในภูมิใจไทย ไม่มาร่วมติวข้อสอบกับวิปรัฐบาล ทำให้ฝ่ายรัฐบาล “เก็งคำตอบ” ของ 2 ขุนศึกภูมิใจไทยไม่ถูกว่าจะออกมาไม้ไหน

“ศักดิ์สยาม” กล่าวว่า จะต้องดูรายละเอียดประเด็นการยื่นอภิปรายของฝ่ายค้าน และยืนยันว่าตนเองทำงานตามระเบียบของกฎหมายในทุกโครงการอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็นที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยได้มีการสรุปผลงานทั้งหมดไว้หมดแล้วว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง

เช่นเดียวกับ “อนุทิน” นอกจากบอกว่า อภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่มีปัญหา ยิ่งเร็วยิ่งดี จะได้ไปทำงานอื่น ยังยืนยันว่า “คนเป็นรัฐมนตรีว่าการ ก็ต้องพร้อมชี้แจงทุกเรื่อง”

แหล่งข่าวจากวิปรัฐบาล ยังหวั่น ๆ กับ 2 รายนี้เล็กน้อย “คนอื่นที่เขามา เขาตอบได้ด้วยตัวเอง เรารู้ลีลา ท่าทาง ของเขา เช่น นายจุรินทร์ ปล่อยเขาได้เลย แต่นายอนุทินกับนายศักดิ์สยามเราไม่เห็น แต่เชื่อว่าจะผ่านไปได้”

เคลียร์พรรคเล็กลงตัว

แม้ว่า 24 ชั่วโมงก่อนเปิดศึกซักฟอกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีเสียงกระจองอแงจากพรรคเล็ก-พรรคน้อย 21 เสียง ตีราคาค่างวดตามปกติของฤดูกาลซักฟอก

ครั้งนี้เปิดหน้าโดย “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่ขู่ว่าพร้อมจะโหวตสวนหากรัฐมนตรีไม่สามารถชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาได้

“การชี้แจงของรัฐมนตรีเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจโหวต และในช่วงที่ผ่านมาทางพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายคนออกมาระบุว่า มีหลักฐานเด็ดที่จะนำมาอภิปราย จนทำให้รัฐมนตรีหลายคน จะไม่ได้รับการไว้วางใจ พรรคเล็กยังไม่ทราบว่าจะเป็นข้อมูลที่เด็ดจริงหรือไม่”

“จึงจะขอฟังการอภิปรายของฝ่ายค้านก่อน และถ้าสุดท้ายฝ่ายค้านมีข้อมูลที่เด็ดจริง และหากรัฐมนตรีท่านใดไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างกระจ่างชัดเจนและโปร่งใส เราก็ไม่สามารถลงมติสนับสนุนรัฐมนตรีท่านนั้นให้อยู่ในตำแหน่งและทำหน้าที่ต่อไปได้”

เสียงพรรคเล็ก 21 เสียง คือ พรรคเศรษฐกิจใหม่ จำนวน 6 คน, พรรคพลังท้องถิ่นไท จำนวน 5 คน, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย จำนวน 2 คน, พรรคพลังไทยรักไทย จำนวน 1 คน, พรรคประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 1 คน, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน จำนวน 1 คน, พรรคพลเมืองไทย จำนวน 1 คน, พรรคประชาภิวัฒน์ จำนวน 1 คน, พรรคพลังชาติไทย จำนวน 1 คน, พรรคประชาธรรมไทย จำนวน 1 คน และพรรคพลังธรรมใหม่ จำนวน 1 คน

ทว่า “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ออกมาดับกระแสทันควัน ขอรอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน แต่เชื่อว่าไม่ได้มีประเด็นอะไร เป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย

“จนถึงขณะนี้ยังยืนยันเช่นนี้ แต่ไม่ทราบข่าวมาจากที่ไหนอีกว่ายังต้องเคลียร์อีก ก็เลยไม่ทราบว่ายังต้องเคลียร์กันอีกกี่รอบ เพราะฉะนั้น ถามวันละ 3 รอบ ก็บอกว่าจบแล้วจบแล้ว”

แหล่งข่าวจากแกนนำจากฟากรัฐบาลยืนยันว่า ไม่มีความเป็นห่วงเรื่องเสียงพรรคเล็กที่ก่อนหน้านี้ขู่ว่าจะขอฟังข้อมูลการอภิปรายของฝ่ายค้าน แล้วจึงตัดสินใจโหวต เพราะแกนนำพรรคเล็กได้ส่งตัวแทนมาร่วมการสัมมนาวิปฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน

เช่น นายโกวิทย์ พวงงาม จากพรรคพลังท้องถิ่นไท นายดล เหตระกูล จากพรรคชาติพัฒนา ซึ่งอยู่ในส่วนของพรรคเล็ก ก็ยืนยันว่าจะโหวตให้กับรัฐบาล จะมีแค่คนเดียวคือ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่แตกแถว ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

พี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” เคลียร์ทุกก๊ก

แต่อะไรก็ไม่น่าหนักใจเท่ากับ “ศึกสามก๊ก” ภายในพรรคพลังประชารัฐ ก๊ก-กทม. “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผนึกกำลังกับ ก๊ก-วิรัช รัตนเศรษฐ ก๊ก-ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า แท็กทีมกับ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” และ ก๊ก-สามมิตร สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ยัง “ซ่อนเล็บ”

เวลานี้ดูเหมือนว่า ก๊กผู้กองธรรมนัส-นฤมลจะถูก “โดดเดี่ยว” ไม่เป็นที่ถูกใจของคนในพรรค เพราะวีรกรรม ไม่ธรรมดาที่ทำให้คนในพรรคลืมไม่ลง

แต่หลังจากพรรคแกนนำรัฐบาล-พลังประชารัฐ จัดสัมมนาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ภายใต้ชื่อ “สามัคคีรวมใจ พรรคร่วมรัฐบาล” นอกจากจะเป็นการ “ซ้อมใหญ่” ก่อน 10 รัฐมนตรีพรรคหลัก-พรรคร่วมก่อนขึ้นเขียงซักฟอกแล้ว

ยังเป็นการเปิดฟลอร์ให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นกรรมการ-หย่าศึกลูกพรรค และสมานแผลพรรคร่วมรัฐบาล

ก่อนการสัมมนา-การมาถึงของ พล.อ.ประวิตรพร้อมกับการฉายวีทีอาร์-บทสัมภาษณ์ “เปิดใจ” ไฮไลต์มาถึงช่วงการพูดถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตรได้หันหน้าไปมองบรรดาแกนนำ-หัวหน้ามุ้งอย่าจงใจ-ตั้งใจ

ระหว่างการสัมมนา “พล.อ.ประวิตร” โพล่งขึ้นมากลางห้องสัมมนาไปถึงบรรดาหัวหน้ามุ้ง-แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า “ขอให้รักกัน กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว พรรคร่วมเป็นกำลังสำคัญ พรรคพลังประชารัฐขอให้รักกัน ขอให้ยกมือให้เท่ากัน”

หลังการสัมมนา “พล.อ.ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะ-จับเข่าคุยกับหัวหน้ากลุ่ม-หัวหน้ามุ้ง เคลียร์ทุกข้อขัดข้องหมองใจบนโต๊ะอาหารโรงแรมหรูใจกลางสุขุมวิท

บรรดาแกนนำทุกองคาพยพที่นั่งปรับทุกข์-ผูกมิตร กลุ่มสามมิตร ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร นายสุชาติ ชมกลิ่น แกนนำซุ้มมังกรน้ำเค็ม

นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำกลุ่มโคราช นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำกลุ่ม กทม.-อดีต กปปส. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ แกนนำกลุ่มภาคเหนือ-ก๊กรัฐมนตรีช่วยว่าการ

คีย์เวิร์ดของบิ๊กป้อม-ในฐานะหัวหน้าและผู้ใหญ่ของพรรคบนโต๊ะอาหารค่ำนั้น-คืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์คือ “อยากให้แกนนำคุยกัน มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ ทำความเข้าใจกัน หันหน้าเข้าหากัน”

จึงมีการเคลียร์ใจระหว่าง “ณัฏฐพล” กับ ส.ส.ต่างกลุ่ม หนึ่งในความต้องการของ ส.ส.คือ ให้สนใจโครงการของกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วย แหล่งข่าวจากวงดินเนอร์เล่า

กระนั้น “บิ๊กป้อม” ไม่ “ยื่นคำขาด” ห้ามลูกพรรค-พรรคร่วมรัฐบาลที่มีเรื่องกินแหนงแคลงใจ-ปีนเกลียวระหว่างพรรคพลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย แต่สวมบท “พี่ใหญ่” ผู้มีบารมีให้เกียรติแกนนำเปิดอก-เปิดใจพูดคุยกันเอง

วางเรื่องบาดหมาง-จับมือสู้รบปรบมือกับฝ่ายค้านให้ผ่านฉลุยไปก่อน ถึงขั้นศิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ เตรียมห้อยพระรุ่นบิ๊กป้อม วัดป่ารอยต่อ แสดงความขลังในบารมี

หลังพิชิตศึกซักฟอกแล้วค่อยรบกันใหม่อีกครั้งก่อนปรับคณะรัฐมนตรี