3 ระเบิดเวลา ล้มรัฐบาลประยุทธ์ โควิดระลอกสาม-เศรษฐกิจ-รัฐธรรมนูญ

การระบาดของโควิด-19 “ระลอกสาม” แพร่กระจาย ขยายเป็นวงกว้าง จากคลัสเตอร์สถานบันเทิง ผับ-บาร์ คาราโอเกะ ลุกลามไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.)-ทำเนียบรัฐบาล และพรรคการเมืองไปถึงรัฐสภา

รัฐมนตรีอย่างน้อย 1 คน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจโควิด-19 มี “ผลเป็นบวก” โดยอ้างว่าเกิดจากคนติดตาม-ทีมงาน “ท่องราตรี” ผับดังย่านทองหล่อแต่ไม่ได้กักตัว 14 วัน

กลายเป็นของขวัญวันครบรอบวันเกิด-การก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย 13 ขวบ และประชาธิปัตย์ 75 ปี

รองนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรี 8 คน เป็นอย่างน้อยที่ต้องกักตัว-work from home 14 วัน ภายหลังจากพบ “ไทม์ไลน์” เดียวกันกับกลุ่มเสี่ยง-วี.ไอ.พี.

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่มีทั้งเซเลบ-คนดัง นักการเมือง-นักการทูต และรัฐมนตรี เป็นโดมิโน-ดาวกระจาย ส่งผลให้กรุงเทพมหานครต้องประกาศ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ยกระดับมาตรการป้องกันจากงดเล่นน้ำ-ประแป้ง

การสั่งปิดสถานบันเทิง 196 แห่ง กินพื้นที่ 3 เขต ได้แก่ เขตวัฒนา เขตคลองเตย และเขตบางแค จำนวน 14 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน จนถึงวันที่ 19 เมษายน 2564

แม้การแพร่ระบาดโควิด-19 third-wave รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะยังกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่งัด “ไม้แข็ง” ใช้ “ยาแรง” ยกเลิก “วันหยุด” ช่วงเทศกาลสงกรานต์ และ “ไม่ห้าม” เดินทางข้ามจังหวัด

ทว่า จังหวัดบุรีรัมย์ “ชิงประกาศ” กักตัว 14 วัน ผู้เดินทางจาก “พื้นที่สีแดง” ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐม และนนทบุรี หรือต้องผ่านการตรวจ rapid test ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ผลเป็นลบ ไม่ต้องกักตัว

กลายเป็น “บุรีรัมย์โมเดล” เพื่อชะลอความคิดของคนที่คิดว่าจะกลับบ้าน-ท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ ในเทศกาล “ปีใหม่ไทย” อาจจะต้องคิดหลายตลบ-หลายชั้นมากขึ้น

เอฟเฟ็กต์จากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 “ล็อกดาวน์” สถานบันเทิงใน 3 พื้นที่เสี่ยง และการสกัดการเดินทางข้ามจังหวัด-กักตัว 14 วัน กระแทกไปยังการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และแรงงานในภาคธุรกิจบริการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ “ปิดกิจการ” 14 วัน และการกักตัว 14 วัน ผู้ที่เดินทางมาจาก “พื้นที่สีแดง” และการงดกิจกรรมสงกรานต์ทั้งหมด-วิถีปีใหม่ไทยแบบ new normal

แต่ขณะนี้ยังไม่มี “มาตรการเยียวยา” ลูกจ้างรายวัน ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสถานบันเทิง-บริการที่ได้รับผลกระทบจาก “ปิดกิจการ” 14 วัน ที่เป็นรูปธรรมออกมา

ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านมา 2 ปี ของอายุขัยของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศไว้เป็น 1 ใน 12 นโยบายรัฐบาล “เร่งด่วน” ที่ประกาศไว้ต่อรัฐสภา ยัง “ลูกผีลูกคน”

แกนนำรัฐบาล-พลังประชารัฐ (พปชร.) จับมือกับ ส.ว. “ถูลู่ถูกัง” ร่างรัฐธรรมนูญวาระสามที่ใกล้คลอดออกมา “ลืมตาดูโลก” จนแท้งทั้งฉบับ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ “ไม่ทันเกม” จนถูกมองว่า “เล่นละครตบตา”

ส่วนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เอง ถึงแม้จะแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อสาธารณะ ไม่ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังแบ่งรับ-แบ่งสู้ที่จะเป็นเจ้าภาพ-ชูธงแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียเอง จนถูกตราหน้าว่า “ปากว่าตาขยิบ”

การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงกลายเป็น “ขี้ไต้” สะสมประกายไฟ-ปะทุใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้ทุกวินาที เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองถึงเวลาสุกงอม

การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม จึงถูก “ตั้งคำถาม” ว่า รัฐบาล “การ์ดตก” เสียเอง กระทบกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “ผสมโรง” กับ “ข้อกังขา” ถึงความ “ไม่จริงใจ” ของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

โควิด-เศรษฐกิจ และการแก้รัฐธรรมนูญที่มีความไม่เป็นประชาธิปไตย-ส.ว.เฉพาะกาล 250 คน “สนิมสร้อย” กัดกร่อน “ความไม่ชอบธรรม” การได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว

เป็นระเบิด 3 ลูก สุมเชื้อไฟ-สร้างเงื่อนไข รอเวลา “ล้มรัฐบาล”