“ธรรมนัส” เปิดใจ ก่อนศาลวินิจฉัย บอกทำใจไว้แล้ว ไม่ว่าผลบวกหรือลบ

ธรรมนัส พรหมเผ่า

 “ธรรมนัส” เปิดใจก่อนศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย สถานภาพ ส.ส. และความเป็นรัฐมนตรี พรุ่งนี้ เวลา 15.00 น. ไม่ว่าผลจะบวกหรือลบ ทำใจไว้แล้ว 

วันที่ 4 เมษายน  2564 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคเกษตรและสหกรณ์ สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับมติชนออนไลน์ ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัย คดีสมาชิกภาพ ส.ส. และความเป็นรัฐมนตรีของตนเอง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้ (5 พ.ค.) ว่า

ไม่ว่าในวันพรุ่งนี้ผลจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นลบ ตนก็น้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำใจไว้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นบวกตนก็เดินหน้าทำงานทางการเมืองต่อ แต่ถ้าเป็นลบตนก็จะไปทำธุรกิจซึ่งไม่ได้กังวลใดๆ รู้สึกเฉยๆ ส่วนพรุ่งนี้ตนมอบทนายความเป็นผู้แทนไปฟัง คำวินิจฉัยที่ศาลรัฐธรรมนูญแทน เนื่องจากตนติดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

“ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยสักอย่าง ผลเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ผลจะออกมาหน้าไหนน้อมรับคำวินิจฉัย ถ้าถามรู้สึกอย่างไร ตื่นเต้นหรือไม่ตื่นเต้น ผมเฉย ๆ เพราะชีวิตผ่านมาหมดแล้ว และในช่วงเป็นรัฐมนตรีก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้ว” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

เมื่อถามว่าผลวินิจฉัยเป็นลบได้เตรียมอะไรไว้บ้าง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมอะไร เพราะผลออกมาถ้าลบก็ทำใจ กลับไปทำธุรกิจ ดูแลครอบครัว ไม่เป็นปัญหา วิถีชีวิตเดิมก็มีความสุขอยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อน ถ้าเป็นบวกก็ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อ

เมื่อถามว่าถึงวันนี้มีความมั่นใจว่าออกมาเป็นลบหรือบวก ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่รู้ เดายาก ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาลรัฐธรรมนูญ

คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณี ส.ส. 51 ราย เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะทางการเมืองของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคเกษตรและสหกรณ์ สิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายอันถึงที่สุดว่าได้กระทำผิดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้าซึ่งยาเสพติด

กรณีดังกล่าวย่อมทำให้ผู้ถูกร้องเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่