ศึกงบฯกลาง 1.63 หมื่นล้าน ก้าวไกล – เพื่อไทย จุดชนวนฝ่ายแค้นใน ฝ่ายค้าน

2 พรรคฝ่ายค้าน เพื่อไทย – ก้าวไกล ต้องมา “แค้น” กันเอง 

ต้นเหตุมาจากมติเสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 พ.ศ….. ที่กำลังประชุมกันในช่วงโค้งสุดท้าย มีมติให้ “คืนงบฯ” ที่แปรญัตติทั้งหมดกว่า 16,000 ล้านบาท ไปไว้ที่ “งบฯกลาง” กาหมายเหตุว่า ให้รัฐบาลนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 

ทว่าในจำนวนเสียงข้างมาก มีเสียงของฝ่ายค้าน “พรรคเพื่อไทย” โหวตให้กับฝ่ายรัฐบาลด้วย และพรรคเสียงข้างน้อยในที่ประชุมคือ “พรรคก้าวไกล” ที่ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าการนำคืนงบฯกว่า 1.63 หมื่นล้าน ไปไว้ในงบฯกลาง

เท่ากับ “ตีเช็คเปล่า” ให้รัฐบาลนำเงินไปใช้ โดยไม่รู้ว่าจะนำไปใช้จ่ายในช่วงโควิด-19 จริงหรือไม่ – มีประสิทธิภาพแค่ไหน 

โดย “ก้าวไกล” เสนอให้นำงบฯไปเพิ่มแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ จำนวน 1.32 หมื่นล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้การเก็บภาษีที่ดินที่หายไป ส่วนที่เหลือแปรไปยังสำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพ 860.24 ล้านบาท, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา 631.73 ล้านบาท, กองทุนการออมแห่งชาติ 460 ล้านบาท, 

กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร 500 ล้านบาท, กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 100 ล้านบาท, กองทุนช่วยเหลือเกษตรกร 100 ล้านบาท และกองทุนประกันสังคม 509.61 ล้านบาท 

พร้อมล็อบบี้ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ที่มีเสียงมากอย่างพรรคเพื่อไทย แต่ได้รับคำตอบจากเพื่อไทยว่าจะคืนให้ “งบฯกลาง” ที่สุดแล้วในการลงมติเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม มีมติเสียงข้างมาก 35 ต่อ 7 งดออกเสียง 3 เสียง

โดย 6 เสียงเป็นของก้าวไกล คือ 1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล 2.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3.น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. 5.นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6.นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนอีก 1 เสียงคือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ  

ตั้งแต่วินาทีนั้น “ก้าวไกล” เปิดฉากถล่มพรรคเพื่อไทยยับ เนื่องจากไปยกมือโหวตให้เสียงข้างมากรวมกับกรรมาธิการฝ่ายรัฐบาล ทั้งในการแถลงข่าวผ่านสื่อ และถกแถลงในคลับเฮาส์

เช้าวันรุ่งขึ้น แกนนำ “เพื่อไทย” นั่งไม่ติด ต้องดาหน้าโต้พรรคก้าวไกล ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงคืนงบฯ 1.6 หมื่นล้าน เข้า “งบฯกลาง” ผ่านการแถลงโดย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย 

สรุปใจความว่า 1.กมธ.งบประมาณส่วนใหญ่จึงมีความเห็นตรงกันว่า การขอเพิ่มงบประมาณ ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอมานั้นควรนำมาตั้งไว้ในส่วนของงบฯกลาง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ชัดเจนว่า เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด

2.รัฐธรรมนูญมาตรา 144 กำหนดว่า ในการพิจารณางบประมาณ การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใด ๆ ของ กมธ. มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้ ดังนั้น เห็นว่าการนำงบประมาณส่วนนี้ไปไว้ในงบฯกลาง จะตัดข้อสงสัยว่า ส.ส.หรือ กมธ.งบประมาณ มีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม 

3.การตัดสินใจของ กมธ.งบประมาณในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไม่เกี่ยวกับสถานภาพ หรือการยอมรับในตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้

และตั้งใจกระแทก message ไปถึง “ก้าวไกล” ว่า “พรรคเพื่อไทยขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า พรรคมีความอดทนอดกลั้นมาตลอดในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ที่ต้องการรักษาเอกภาพและบรรยากาศทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านไว้ให้ดีที่สุด ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในกระบวนการทำงานเป็นสิทธิและความเห็นที่พรรคให้เกียรติพรรคร่วมฝ่ายค้านมาโดยตลอด”

ตกค่ำ “ก้าวไกล” เปิด “คลับเฮาส์” อีกรอบแถมผนึก “คณะก้าวหน้า” กลุ่มการเมืองคู่ขนาน ช่วยรุมกระหน่ำการคืนงบฯ 1.6 หมื่นล้านเข้า “งบฯกลาง” หัวข้อ ตอบทุกประเด็น งบฯกลาง – ม.144 – เตะ 16,000 ล้าน เข้าปากประยุทธ์-ดำเนินรายการโดย “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช

มีการจุดประเด็นให้คนในวงช่วยกันถกเรื่อง “งบฯกลาง” นำไปซื้อกระสุนยาง กำราบม็อบได้หรือไม่ 

ในครั้งนี้ มี ส.ส.เพื่อไทย แอบเข้ามานั่งฟัง และขอใช้สิทธิพาดพิง อาทิ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่านพรรคเพื่อไทย “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย 

ซึ่ง “โจ้ ยุทธพงศ์”  ประกาศกลางคลับเฮาส์ว่า จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ถ้าใครหาหลักฐานได้ว่า งบฯกลางนี้ไม่ได้เอาไปช่วยเหลือโควิด-19 แต่นำไปซื้อกระสุนยาง แก๊สน้ำตา

ขณะที่ “นพ.ชลน่าน” เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปใช้ตามอำเภอใจอยู่แล้ว เพราะต้องผ่านเสียงข้างมากของสภาอีกที มั่นใจว่าจะตามเรื่องและตรวจสอบได้ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการโยกมาให้พรรคเพื่อไทย 

พร้อมกับ เชื่อว่า “พล.อ.ประยุทธ์” อาจอยู่ไม่ถึงใช้งบประมาณก้อนนี้ที่จะใช้ในปีงบประมาณใหม่เดือนตุลาคม แต่จะเป็น “เครื่องมือ” ให้รัฐบาลใหม่ไปใช้งาน 

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 สิงหาคม ประเด็น นำงบฯกลางไปซื้อกระสุนยาง แก๊สน้ำตา ยังเป็นประเด็นที่ “พรรคเพื่อไทย” ต้องนำมาแก้ต่าง โดย “ยุทธพงศ์” คนเดิม ประกาศเหมือนเดิมว่า 

“พร้อมเอาตำแหน่ง ส.ส.เป็นเดิมพัน ถ้ามีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า ถ้ามีการนำงบฯกลางไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ที่ไม่ได้ช่วยประชาชนเรื่องโควิด ตนพร้อมลาออกจาก ส.ส.และเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต” 

ขณะที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ในเฟซบุ๊กแบบซอฟต์ ๆ แต่ตรงประเด็น “งบฯกลาง” = “เช็คเปล่า” ว่า ปัญหาของรัฐบาลประยุทธ์ไม่ใช่ไม่มีงบประมาณมาใช้ในการเยียวยาประชาชนและแก้ปัญหาโควิด-19 

จากที่ผมดูตัวเลขการอนุมัติงบฯกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็น และรายการแก้ปัญหาโควิด-19 ของปีงบฯ 64 ที่ตั้งเอาไว้รวมกัน 140,000 ล้านบาท จากที่ผมสืบค้นได้ใน มติ ครม. (นอกจากนั้นจะมีเอาไปใช้ในทางลับอะไรอีกผมไม่ทราบ) พบว่ามีการอนุมัติแค่ 46,000 ล้านบาท หรือไม่ถึง 1 ใน 3 ของงบกลางที่ขอในปี’64 

“ไม่นับว่ามีเอกสารสำนักงบประมาณของรัฐสภารายงานว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย. 64 มีการเบิกจ่ายแค่ประมาณ 12,000 ล้านบาทเท่านั้น (ไม่ถึง 10%)  นี่ยังไม่นับ พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลออกมาได้จะ 3 เดือนแล้ว แต่ยังเป็น black box หรือ “พื้นที่ดำมืด” ที่เรายังไม่ทราบว่ารัฐบาลเอางบไปทำอะไรบ้าง”

ดังนั้น ปมร้อน “งบฯกลาง” ยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะ 21.00 น.คืนนี้ แกนนำตัวพ่อของพรรคเพื่อไทย ยกทีมมาโต้ตอบข้อครหา 

นำโดย “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย “ภูมิธรรม เวชยชัย” ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทํางานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย  วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธาน กมธ. งบประมาณ 2565 และชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน 

ฝ่ายแค้น ในฝ่ายค้าน ยังเดือดต่อเนื่อง….