พลังประชารัฐ ผ่องถ่ายเลือดนักเลือกตั้ง-พรรคทหารเต็มตัว

พรรคพลังประชารัฐ

และแล้ว “สกลธี ภัททิยกุล” สิ้นสภาพทั้งในทางนิตินัย-พฤตินัย ภายหลังยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หย่อนใบลาออกที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ

การเข้าพบ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลก่อนลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเพียง 2 วัน ของ “สกลธี”

นอกจากขอตั๋วทำเนียบ-ชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เตรียมเปิดตัวใน “นามอิสระ” แล้ว “สกลธี” ยังเป็นการ “ไฟเขียว” ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

“สกลธี” เป็นคนสุดท้ายที่ถอยออกจากพรรคพลังประชารัฐ ต่อจากเพื่อนร่วมรุ่น 3 ทหารเสือ กปปส.

ก่อนหน้านี้ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” อดีตรมว.ศึกษาธิการ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” ถอยออกจากพรรคพลังประชารัฐ “ครึ่งก้าว” เปิดทางให้ “ยุทธนา โพธสุธน” เจ้าของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับที่ 21 ขยับขึ้นมาแทน

ผลพวงจากคำพิพากษาศาลอาญาสั่งจำคุก 6 ปี 16 เดือน และเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี-ส่งผลให้พ้นความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไปโดยอัตโนมัติ

ส่วน “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีตรมว.ดีอีเอส “รัฐบาลเดียวกัน” หลังจากถูกศาลอาญาจำคุก 7 ปี พ้นจากเก้าอี้ รมว.ดีอีเอส ในรัฐบาลเดียวกัน – พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยังไม่ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค

ในความเป็นจริง 3 ทหารเสือกปปส. ไม่มีบาทบาทนำภายในพรรค

“ผู้การชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล แกนนำกลุ่มด้ามขวานไทย-อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ หอบเสื้อผ้าออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่ร่วมชายคากับพรรดกล้า

เป็นเอฟเฟ็กต์ ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีทีท่าที่จะตั้ง “รัฐมนตรีโควตาภาคใต้” เข้าไปประจำการแทน “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หลังจากถูกปลดฟ้าผ่า ออกจากตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์

ก่อนลาออก “ผู้การสุชาติ” เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล “เปิดใจ” ในฐานะ “เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12” หลังจากนั้นออกจากพัก-เผาบ้านเก่า

ย้อนกลับไป “สี่กุมาร” คือกลุ่มแรกที่ถูกผลักออกจากพรรค ทั้งนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค รวมถึง “ที่ปรึกษาทางใจ” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ทฤษฏีเขย่าเก้าอี้ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ สะเทือนเก้าอี้ผู้บริหารในคณะรัฐบาล

4 กุมาร + 1 ที่ปรึกษาทางใจอยู่ระหว่างฟอร์มทีม-ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ พรรคเพื่ออนาคตไทย (พอท.) เตรียมเปิดตัวช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า

ขณะที่คนที่เจียนไปเจียนอยู่ “ทนายแดง” ชวลิต อาจหาญ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขต 1 ชุมพร ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โพสต์ใบลาออกจากสมาชิกพรรค พร้อมระบายความในใจในช่วง “วาระสุดท้าย !!! กับ พรรคพลังประชารัฐ”

สุดท้ายต้อง “กลับลำ” มติกรรมการบริหารพรรค ส่ง “ทนายแดง” ลงชิงเก้าอี้เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 ชุมพร
ไม่นับ “ก๊วน 6 รัฐมนตรี” สายตรงพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีข่าวลือว่าจะลาออกจากไปตั้งพรรคไทยสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม หน้าใหม่-บิ๊กเนมที่พาเหรดกันเข้าพรรค อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไปเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

“บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)- อดีตว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เข้ามาร่วมเป็น “ทีมประวิตร”
รวมถึงการได้ “ขุนพลภาคใต้” มาเสริมทัพ เดินเกมชายแดน อย่าง “อนุมัติ อาหมัด” อดีต ส.ว. และ “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็น “อาวุธลับ”

พี่-น้อง 3 ป. ผ่องถ่ายเลือดเก่า-เสริมทัพเลือดใหม่ ลดบทบาทนักการเมืองโบราณ ไม่ให้แสดงฤทธิ์เดช เลือกตั้งครั้งหน้าพลังประชารัฐจะเข้าสู่ยุคทหารนักการเมือง-พรรคราชการ นักเลือกตั้งมีไว้ยกมือโหวตในสภา-นั่งร้านขึ้นสู่อำนาจ เป็นพรรคทหารเต็มตัว