สกลธี ชูนโยบายเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นทุน-สานต่อรถไฟฟ้าสายสีเทา-สีเงิน

สกลธี – แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. เปิด 6 นโยบายหลัก กทม.ดีกว่านี้ได้ สานต่อรถไฟฟ้าสายสีเทา-สีเงิน เชื่อมสายสีเขียว ผุด เปลี่ยนที่ดินรกร้างว่างเปล่าให้เอกชนเช่า หารายได้เข้า กทม.

วันที่ 24 มีนาคม 2565 ที่ @Bangkok Riverview (CAT Tower Pier) บางรัก นายสกลธี ภัททิยกุล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามอิสระ แถลงนโยบายหลัก 6 ด้าน ว่า งบประมาณของกรุงเทพมหานคร บางปี 8 หมื่นล้านบาท ฟังดูเหมือนเยอะ แต่ 40% เป็นเงินเดือน 50-60% เท่านั้นที่เป็นเงินลงทุน ไม่นับหนี้ผูกพันที่ต้องชำระ รวมตัวเลขกลม ๆ ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท บางปีอาจจะไม่ถึงเพราะเก็บภาษีไม่ได้ พื้นที่ กทม. 1 พันกว่ากิโลเมตร 50 เขต อาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งสามารถให้งบประมาณในแต่ละเขตให้มากขึ้นได้ เพื่อพัฒนาในพื้นที่มากขึ้น

“ไม่เคยมีผู้ว่าฯ กทม.คนไหนที่จะเอากรุงเทพฯไปหาเงิน สำคัญมาก ถึงเวลาแล้วครับที่ผู้ว่าฯ กทม.จะไม่เพียงรอเงินจากรัฐบาลอย่างเดียว ควรจะคิดหาวิธี ทำอย่างไรให้เอาทรัพยากรของ กทม.ที่มีอยู่ นำมาแปลงเป็นเงินได้ กทม.มีที่อยู่มากมาย ที่รกร้างว่างเปล่า อาจจะเอาที่ดินนี้ไปทำให้เอกชนเช่า

เพราะที่สาธารณะเท่าไปสามารถให้สิทธิ์เอกชนได้มากมาย จะทำให้เราได้เงินจากส่วนอื่น นอกจากรอเงินอุดหนุนของรัฐบาลอย่างเดียว ซึ่งในครั้งต่อไปจะเปิดทีมงานที่จะมาบอกว่าจะทำอย่างไรให้ กทม.มีรายได้ขึ้นมา”

นายสกลธีกล่าวว่า นโยบายด้านขนส่งจราจรดีกว่านี้ได้ ด้วยการเชื่อมล้อ ราง เรือ เรื่องแรก ถ้าผมมีโอกาสได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมจะผลักดันระบบ AT สัญญาณไฟจราจร หรือ ATC (Actual Traffic Control) ซึ่งใช้ในฝรั่งเศสและเสินเจิ้น จีน มาใช้แทนระบบเดิม เพื่อให้การปล่อยรถใน กทม.เป็นระบบมากขึ้น เรื่องที่ 2 Free Feeder ทั่วกรุง ด้วยรถเมล์อีวีไปยังรถไฟฟ้า

หลังจากนี้ระบบขนส่งใน กทม.ทั้งหมดจะทำเป็นระบบไฟฟ้าอีวีทั้งหมด เรื่องที่ 3 การเดินเรืออีวี คลองแสนแสบส่วนต่อขยายเข้าเมือง (วัดศรีบุญเรือง-สะพานผ่านฟ้า) คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร

เรื่องที่ 4 รถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) ระยะทาง 16 กิโลเมตร 15 สถานี เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ทองหล่อ และสายสีเงิน (บางนา-สุวรรณภูมิ) ระยะทาง 20 กิโลเมตร จากรถไฟฟ้าสายสีเขียว บางนา-อุดมสุข สมัยตนเป็นรองผู้ว่า ฯ กทม.ได้จ้างที่ปรึกษาแล้ว

ซึ่งเป็นโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และตนตั้งใจผลักดัน หากได้มีโอกาสเข้าไปทำงานต่อ และเรื่องที่ 5 การบังคับใช้กฎหมาย การดูแลเรื่องการห้ามจอดรถใน กทม.จะโอนมาอยู่ในอำนาจ กทม. เคลื่อนย้ายซากรถที่กีดขวางจราจร เคลื่อนย้ายรถที่จอดในที่ห้ามจอด สมัยที่ตนเป็นรองผู้ว่า ฯ กทม. เคลื่อนย้ายซากรถไปแล้วประมาณ 1,200 คัน

นายสกลธีกล่าวว่า นโยบายด้านสาธารณสุขดีกว่านี้ โดยปรับศูนย์สาธารณสุข 69 ศูนย์เป็น Smart Clinic ซึ่งนำระบบ Telemedicine มาใช้ เพิ่มศูนย์สาธารณสุขให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่ว กทม.มากขึ้น เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในสังกัด กทม.ทั้ง 11 แห่งให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง ถ้าตนมีโอกาสเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะปรับโรงพยาบาลของ กทม.ทุกแห่งให้มีจุดเด่นในแต่ละด้าน เช่น

โรงพยาบาลตากสิน อาจจะทำให้เป็นโรงพยาบาลหู คอ จมูก โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ อาจจะทำให้เป็นโรงพยาบาลโรคหัวใจ ซึ่งบุคคลที่ตนจะเปิดมาเป็นทีมงานด้านสาธารณสุขมีเซอร์ไพรส์ ดูแลกลุ่มเปราะบางเชิงรุก และ ระบบ Home Monitoring เพื่อดูแลผู้ป่วยจากที่บ้าน

นายสกลธีกล่าวว่า นโยบายด้านการศึกษาดีกว่านี้ได้ ด้วยโรงเรียนคุณภาพใกล้บ้าน เพิ่มหลักสูตรภาษาอังกฤษและภาษาจีนในโรงเรียน จัดตั้งโรงเรียนผสมและเฉพาะทาง ลดภาระครูยกระดับครูคุณภาพ โภชนาการอาหารฟรี หลักสูตรหลังเลิกเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการใช้ชีวิตและหารายได้เสริม

นายสกลธีกล่าวว่า นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและผังเมืองดีกว่านี้ได้ โดยการลด แยกขยะ จัดแนวทางการเก็บขยะเพื่อเตรียมเป็นกทม.Net Zero จัดระเบียบ Zoning อุตสาหกรรม พาณิชย์ ที่อยู่อาศัย จัดทำสวนทุกเขต 50 เขต 50 สวน พร้อมนักรุกขกรมืออาชีพเพื่อดูแลต้นไม้ใหญ่ทั่วเมือง Green roof สนับสนุนเอกชนให้ปลูกต้นไม้ โดยให้ส่วนลดในการหักภาษี ปลอดภัยด้วยระบบ CCTV เชื่อมทุกหน่วยในเขตกทม. Smart Pole เสาไฟที่ให้มากกว่าความสว่าง จัดผังเมืองแนวใหม่เพื่อให้เศรษฐกิจรอบนอกเติบโต บริหารจัดการน้ำทั่วกรุงอย่างเป็นระบบ

นายสกลธีกล่าวว่า นโยบายด้านดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานดีกว่านี้ได้ด้วย Quantum infrastructure การเตรียมเมืองให้พร้อมสู่ความปลอดภัยสูงสุดทาง cyber security, Optimization all Bangkok resources-การใช้ Quantum ในการเดินทางรถเก็บขยะ เพื่อประหยัดเวลาและพลังงาน Free WiFi ทุกชุมชนและที่สาธารณะ และ BKK one-online service platform-ขอยื่นพิจารณาจบในที่เดียวภายในเวลาไม่เกิน 30 วันด้วยระบบ AI

นายสกลธีกล่าวว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจดีกว่านี้ได้ ด้วยการหารายได้เข้า กทม. สร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่ไม่พัฒนา แปลงสินทรัพย์เป็นทุน เปลี่ยนขยะให้เป็นทอง จัดระบบงบดุลใหม่ ตั้งกองทุน Social Impact Fund โดยชักชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางสังคม จับมือเอกชนเพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่แปลงให้เป็น BOT (Build Operate Transfer) ทุกโครงการโปร่งใส ใช้ระบบ Block chain และจัดกิจกรรมท่องเที่ยว ถนนคนเดิน 50 เขต ทุกเขตตามอัตลักษณ์ชุมชน Street Food ที่ไม่กระทบคนเดินเท้า โรงเรียนฝึกอาชีพทันสมัย กทม.สร้างงานสร้างอาชีพ สนับสนุนการจ้างงานคนพิการและส่งเสริมอาชีพคนพิการ

“การที่ผมลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ ผมกำลังทำบางอย่างเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเดิม ผมเชื่อว่าชีวิตคนกรุงเทพฯดีกว่านี้ได้ ผมไม่ได้มาขายฝัน ผมทำงานในฐานะรองผู้ว่าฯ กทม. มาหลายปี ผมรู้ว่าอะไรที่ทำได้ อะไรทำไม่ได้ กรุงเทพฯต้องการคนที่เข้าใจปัญหา ที่สำคัญต้องโปร่งใสและชอบธรรม ผมมั่นใจว่าผมทำให้กรุงเทพฯดีกว่านี้ได้แน่นอนครับ” นายสกลธีกล่าว