ประวิตร ลงสงขลาเจาะฐานเสียงภาคใต้ ฟื้นเศรษฐกิจหาดใหญ่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ประวิตร หนีบ นิพนธ์ ลงใต้ ประชุม กพต.สัญจรสงขลา ลั่นแก้ปัญหาปากท้อง พบปะผู้นำศาสนา-หารือนักธุรกิจรุ่นใหม่ ฟื้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวหาดใหญ่

วันที่ 8 มิถุนายน 2565 พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและคณะ อาทิ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมช.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และตรวจติดตามการส่งเสริมเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาปากท้องและความเหลื่อมล้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมทั้งร่วมหารือฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหาดใหญ่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประวิตร ได้ติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ การแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาคนในทุกช่วงวัย รวมทั้งการส่งเสริมคนดีตามหลักทางศาสนา เพื่อศึกษาและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงาม ผ่านการรายงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ ณ รร.คริสตัล หาดใหญ่

ต่อจากนั้นได้ร่วมประชุม กพต. มีผู้ว่าราชการ 5 จังหวัดและผู้แทน รมว.กระทรวงต่างๆร่วมประชุม โดยรับทราบผลงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนสนามบินเบตงให้เปิดบริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งตั้งแต่เปิดบริการ มีผู้โดยสารเดินทางกว่า 2,500 ราย รายได้สุทธิ 7.1 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน สถานการณ์การค้า การท่องเที่ยวและการบริการทุกด้านในพื้นที่ อ.เบตง มีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ รวมทั้งธุรกิจภาคขนส่งและนำเที่ยว มีการพัฒนายกระดับเป็นมาตรฐานมากขึ้นเช่นกัน

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ไตรมาส 1 ภาพรวม พบยังอยู่ในช่วงเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐในมิติต่างๆทั้ง 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม โดยประชาชนยังมีความกังวลต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น และมีทัศนคติเชิงบวกและเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต

Advertisment

พร้อมร่วมพิจารณาและเห็นชอบ กรอบข้อเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชน ด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ปี 65-66 ที่เชื่อมโยงพัฒนาศักยภาพและยกระดับด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้ง 9 ด่าน แบบบริการเบ็ดเสร็จ และนำระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เต็มระบบ มุ่งสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเชื่อมต่อไปยังเกษตรฐานรากของประชาชนที่เป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ยังเห็นชอบ ขับเคลื่อนกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ ขยายฐานการผลิตโคในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีวิสาหกิจชุมชนครบวงจร ตั้งเป้าหมายโคไทยในหมู่บ้าน 1,000 แห่ง เกษตรกร 10,000 ราย ครอบคลุม 5 จังหวัด เฉลี่ย จังหวัดละ 200 หมู่บ้าน ภายใน 5 ปี (65-69) เพื่อยกระดับรายได้กับเศรษฐกิจฐานราก รองรับการกำหนดพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เป็น ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล

รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหาดใหญ่ ระยะ 6 ปี (65-70) ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 ที่หน่วยงานภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษาและภาคประชาชนร่วมกันจัดทำที่ให้ความสำคัญ การฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบริการ การส่งเสริมการค้าการลงทุนในพื้นที่ รวมทั้งผลักดันเมืองหาดใหญ่สู่เมืองอัจฉริยะ ที่มุ่งใช้พลังคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนยกระดับพัฒนาเมือง โดยส่งเสริมความร่วมมือทุกภาคส่วน

Advertisment

พล.อ.ประวิตรกล่าวขอบคุณ ทท. กต. พณ. ศอบต. จว.ยะลา เทศบาลเบตงและภาคเอกชน ที่ผนึกกำลังร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาเบตง เป็นที่รู้จักระดับโลก พร้อมกำชับ ขอให้รับฟังและวิเคราะห์ความต้องการประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันเร่งผลักดันโครงการต่างๆให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะให้เร่งลงไปช่วยแก้ปัญหาและช่วยเหลือด้านการลดภาระค่าครองชีพ การมีงานทำ และดูแลรายได้และสินค้าเกษตรในพื้นที่ รวมทั้ง เร่งดำเนินการนำเรือประมงออกนอกระบบให้เสร็จ ภายใน ก.ค.

ขณะเดียวกัน ขอให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ การเปิดโอกาสให้เด็กเยาวชนเข้าถึงการเรียนรู้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาไทย ควบคู่กับภาษามลายูท้องถิ่นใต้ รวมทั้งการดูแลด้านสุขสภาวะของเด็กปฐมวัย ที่มีปัญหาโภชนาการ ส่งผลร่างกายมีภาวะผอมเตี้ยไม่สมบูรณ์ และให้โอกาสเด็กเยาวชนได้ทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น พร้อมย้ำ กพต.เสมือน ครม.ภาคใต้

โดยตนจะลงประชุมในพื้นที่มากขึ้น และขอให้ กพต. โดยเฉพาะ รมว.และหัวหน้าส่วนราชการ ที่เป็นกรรมการให้ความสำคัญเข้าประชุมด้วยตนเอง เพื่อร่วมแก้ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานโดยเร็ว และบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร จะร่วมหารือกับกลุ่มภาคธุรกิจ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และพบปะผู้นำทุกศาสนาและประชาชนในพื้นที่