Inverted Yield Curve โอกาสของทองคำ ?

ทองคำ
คอลัมน์ : ลงทุนทั่วโลก 
ผู้เขียน : คณาวุฒิ ทรงวัฒนา บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จํากัด

ในช่วงเวลาปัจจุบันที่ตลาดเผชิญกับความผันผวนรุนแรง เราเชื่อว่านักลงทุนคงมีความกังวลจากประเด็นลบต่าง ๆ ที่เข้ามาในตลาด โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

ที่ตามมาด้วยการคว่ำบาตรของบรรดาชาติตะวันตกอาจนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงกว่าเดิม

แต่ข่าวร้ายที่ใหญ่กว่าในปีนี้คือ เงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้ธนาคารกลางขนาดใหญ่ทั่วโลก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

โดยเฉพาะ Fed ที่ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุล ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นประกอบกับสภาพคล่องในตลาดการเงินที่ลดลงกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อและอาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้เหมือน 10 ปีที่ผ่านมา

เราเชื่อว่าสถานการณ์ในปัจจุบันมีความแตกต่างจาก 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก “ในอดีตเงินเฟ้อที่เคยอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ธนาคารกลางต่าง ๆ สามารถใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้อย่างเต็มที่” และจุดที่ธนาคารกลางต่าง ๆ ใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือ ช่วงปี 2563 ที่เกิดวิกฤต COVID-19 ส่งผลให้ Fed และ ECB รวมถึงธนาคารกลางขนาดใหญ่อื่น ๆ ทำ QE เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบส่งผลให้งบดุลของ Fed ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

Advertisment

แต่ในปัจจุบันหลังการใช้นโยบายทางการเงินผ่อนคลายชุดใหญ่ เงินเฟ้อเริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี มีสาเหตุมาจาก

1) สภาพคล่องจำนวนมหาศาลได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

2) การปิดเมืองจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain disruption) การผลิตสินค้าลดลง

3) ความต้องการซื้อสินค้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายการแจกเงินช่วยเหลือของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ส่งผลให้เงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาตลอด 10 ปี ทำให้ Fed และธนาคารกลางอื่น ๆ ต้องเริ่มส่งสัญญาณปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น

Advertisment

ในทางทฤษฎีแล้ว การปรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จะตามมาด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และในกรณีที่มีการปรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดและเร็วเกินไป มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession)

โดยหนึ่งในสัญญาณที่นักลงทุนใช้ในการเฝ้าระวังการเกิดเศรษฐกิจถดถอย คือส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 และ 2 ปี (yield spread 10 Yr-2 Yr) ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ต่ำกว่า 2 ปี หรือเรียกว่า inverted yield curve จะเป็นสัญญาณของการเกิดเศรษฐกิจถดถอย และมีโอกาสส่งผลต่อตลาดหุ้นให้ปรับตัวลดลงได้อีกกว่า 10%

สาเหตุที่เราระวังสัญญาณการเกิด inverted yield curve ในช่วงเวลานี้ เนื่องจาก yield spread 10 ปี และ 2 ปี ปรับตัวลงมาอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยวันที่ 7 ม.ค. 65 yield spread อยู่ที่ระดับ 0.90% ลดลงสู่ระดับ 0.40% ในวันที่ 24 ก.พ. 65 ขณะที่การประชุมของ Fed จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 มี.ค. 65 แม้ Fed จะมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% แต่หากไม่สามารถต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ Fed อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ครั้งละ 0.50% ในอนาคต

โดยเราคาดว่าการปรับนโยบายให้เข้มงวดขึ้นจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เนื่องจากการปรับนโยบายทางการเงินจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุสั้นมากกว่าพันธบัตรที่อายุยาวกว่า และมีโอกาสที่จะเกิด inverted yield curve

แต่ข่าวดีคือ การปรับลดงบดุลของ Fed จะทำได้ไม่รวดเร็วนัก ส่งผลให้สภาพคล่องที่เพิ่มเข้ามาส่วนใหญ่ยังคงหลงเหลืออยู่ในระบบการเงิน และยังคงสูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 โดยนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า Fed จะต้องใช้เวลา 2 ปีในการปรับลดขนาดงบดุลจาก 8.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปสู่ 6.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงสูงกว่าช่วงก่อนเกิด COVID-19 ที่ 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ส่งผลให้เงินที่เหลืออยู่ในระบบจะถูกนำไปลงทุนในสินทรัพย์บางอย่างที่ได้รับประโยชน์จากการเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และมีโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย”

ในมุมมองของ Pine Wealth Solution ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้ โดยหากเราใช้ข้อมูลในปี 2562 ช่วงที่เกิด inverted yield curve จะพบว่าทองคำสร้างผลตอบแทนได้ถึง 20% เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเหมืองทองที่สร้างผลตอบแทนได้ถึง 50% แต่จะเกิดขึ้นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น

ขณะที่ผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวจะกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง ทางทีมกลยุทธ์ของ Pine Wealth Solution จึงได้มีการแนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนในทองคำและหุ้นกลุ่มเหมืองทองตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการเกิด inverted yield curve และคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า