เบเคอร์ฯ แนะกม.ภาษีที่ดินต้องออกกม.ลูก-ดูแลผู้มีรายได้น้อย-เอสเอ็มอี เตือนม.49ทวิระวัง “กฎหมายเดียวเสียวทั้งเมือง”

ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี จำกัด บรรยายหัวข้อ “กลยุทธ์รับมือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ในงานสัมมนาจัดโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 มีรายละเอียด ดังนี้

ศ.พิเศษกิติพงษ์กล่าวว่า สภาหอฯ เคยจัดสัมมนาก่อนกฎหมายเข้าสภานิติบัญญัติ กระบวนการก็ยังไม่ได้ดูแลอย่างจริงจัง สนช.ก็พิจารณาเป็นความลับ ซึ่งผมเห็นว่าไม่ถูกต้อง กฎหมายแบบนี้ต้องพิจารณาแบบให้มีส่วนร่วม ซึ่งกฎหมายต้องมีการเปิดเผย พิจารณาข้อดีข้อเสีย โดยเดือนกันยายนจะต้องมีการพิจารณาวาระ 2-3

สำหรับกลยุทธ์ปรับตัว เริ่มจาก นิยามที่ดินเกษตรกรรม เริ่มจากต้องขึ้นทะเบียน “เกษตรกร” จบเห่เลยครับ ถ้ามีทีดินกลางสีลม หรือนราธิวาส ก็แสดงว่าคนที่อยู่กรุงเทพฯ จะปลูกผัก ถั่ว กะเพรา กล้วยก็ไม่ได้ ปลูกทุเรียนแถวบางบัวทองก็ยากอีก มองว่าอันตรายมาก

เรื่องสอง “การโอน” พรฎ.630 ให้เอสเอ็มอีโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโอนทรัพย์สินเข้าบริษัท โดยยกเว้นภาษีโน่นนี่ ถ้าอสังหาริมทรัพย์เสียภาษี 0.01% มติครม.นี้ตั้งใจให้เอสเอมอี สำหรับทุนไม่เกิน 5 ล้าน และรายได้ไม่เกินปีละ 30 ล้าน แต่ตอนออกมาไม่จำกัดวงเงินรายได้ ก็เลยเปิดช่อง ซึ่งการโอนต้องเป็นบริษัทตั้งใหม่ และแลกหุ้นกับทรัพย์สิน

“ผมเตือนหลายคน ทนายทแนะเยอะเลย ถ้าถามผมจะให้ตั้งบริษัทใหม่เลย ถามต่อมายังเป็นพาณิชยกรรม เสียเรตแพง เริ่มจาก 0 บาทแรก แต่ที่อยู่อาศัย คนธรรมดา ไม่เข้า ขณะที่เอสเอมอี มีโฮมออฟฟิศ ตึกแถวทำการค้า เปิดโชวห่วย ผมเข้าเอสเอมอี ทุนจดทะเบียน 20 ล้าน เข้าเกณฑ์อยู่อาศัยชั้นบน 50 ล้านแรกไม่เสียภาษี และทำการค้าโดยให้เช่าด้วย รัฐบาลเดินสวนทาง ส่งเสริมเอสเอมอีให้ตั้งบริษัท เสียเรตพาณิชยกรรม เริ่มล้านละ 3,000 บาท นี่คือประเด็นที่อยากฝากไว้”

เราหวังว่ากฎหมายลูกต้องเขียนให้ชัด การ alocate SME จะทำยังไง บางรายอยู่เยาวราช ทรัพย์สินตกทอดมา 30 ปี อยู่ๆ จะใช้ราคาปัจจุบัน ผมตายนะครับ

ผมเคยเป็นกรรมาธิการร่วมสมัยท่านสมหมาย ภาษี ผมเคยบอกว่าให้ลดอัตราภาษี 50% ในการสืบทอดมรดก และทรัพย์ได้มาก่อนกฎหมายใหม่บังคับใช้

เช่น ที่ดินสาทร ประเมินวาละ 4 แสน หรือที่ดินสีลมวาละ 1 ล้าน ได้มาร้อยวาก็ 100 ล้าน อย่างผมรวบรวมแอสเสทห้องนี้ประมาณ 60,000 ล้าน

ผมเป็นคนเสนอให้เก็บภาษีอัตราเดียว และหลังแรก 10 ล้านบาท เริ่มจาก 0.01% ล้านละ 100 บาท มีขั้นบันได ฯลฯ

คำถาม-คนห่วงบ้านต่างจังหวัด
คำตอบ-กลยุทธ์ ให้ย้ายไปอยู่บ้านหลังแพงที่สุด ทำไมต้องให้คนไทยทำวิธีนี้ ทำไมการจ่ายภาษีไม่ให้ง่ายและสะดวกที่สุด ผมคิดว่าถ้าเราเก็บไม่มาก เช่น สมมติผมมีคอนโด 10 ยูนิต ราคา 5 ล้านเท่ากันแล้วให้เช่า ผมต้องมาเสียคอมเมอร์เชียลเหรอ
ในขณะที่ราคาเกิน 50 ล้านบาท มี 20,000 ราย

ความเห็นคือ มีบ้าน 2 หลังแต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี

คำถาม-คนต่างจังหวัด มาทำงานกรุงเทพ ซื้อคอนโด 2 ล้าน มีบ้านต่างจังหวัดด้วย ทำยังไง
คำตอบ-ต้องย้ายทะเบียน และไม่รีเฟล็กต์ของจริงด้วย กม.ใหม่ทำให้ง่ายและสะดวกไหม ตอนรมว.สมหมาย บอกจะเริ่มเก็บ 3 ล้าน คนค้าน แต่จริงๆ ทำโชวห่วยก็โดนแล้ว เช่น สร้างบ้านให้คนงานเช่า มีโชวห่วยด้วย โดยผมอาจมีบ้านราคาสามล้าน แบ่งห้องให้เช่า จะแยกประเภทยังไง จึงเห็นด้วยให้มีกม.ลูก ไม่ต้องตีความ

ผมเคยเป็นประธานสภาปฏิรูป วันนี้เขาตั้งให้เป็นกรรมการปฏิรูป อำนาจไม่มีอะไรมาก ศึกษาอย่างเดียว เสนออะไรไม่ได้ เป็นไปได้ไหม เขียนกฎหมายโดยไม่ต้องมีศรีธนญชัยตีความเลยในประเทศนี้ เช่น ที่อยู่อาศัยคือ 1 2 3 4 5 ไม่ต้องตีความ เพราะไม่เช่นนั้นในต่างจังหวัดจะตีความกันสนุกเลย

ให้เก็บอัตราเดียว ที่จริงทรัพย์สินเก็บอัตราก้าวหน้า ซึ่งที่ดินที่มีราคาซื้อขาย มันไม่น่าใช่ เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่ซื้อที่ดินพัฒนาโครงการ ทีด่ินผมก็ขึ้น ราคากลางปรับไปเรื่อย ทำไมไม่เอาราคาซื้อมา ปรับเงินเฟ้อขึ้นไป นี่คือตัวอย่างภาษีมรดก

ร่างแรกที่เสนอ ให้นำราคาประเมินตอนซื้อมาได้มา บวกเงินเฟ้อ จนปัจจุบัน

คำถาม-มีตัวอย่าง ทำที่ดินเกษตร อยู่ๆ หมู่บ้านจัดสรรมาติดกัน ทีดินขึ้น เจตนาก็ทำเกษตร แล้วจะทำยังไง
คำตอบ-ท่านผู้ประกอบการ ภาษีทรัพย์สินไทยซับซ้อนมาก เยอะไปหมด มหาดไทย คลัง ฯลฯ เยอะไปหมด ทำไมไม่รวบอยู่ที่เดียว แล้วกระจายไปที่ท้องถิ่น เพื่อไม่เกิดปัญหาการตีความ

ต้นทุนซื้อที่ดินวันนี้แพงมาก ภาษีค่าโอน อากรสแตมป์ ค่าธรรมเนียม ภาษีธุรกิจเฉพาะ มาเจอโรคซ้ำกรรมซัดวิบากกรรมมาอีก

ผมทำงาน 40 ปี เห็นเรื่อง “ราคาจริง”​ ทำให้เกิดทุจริต ปิดตาข้างนึง ดุลพินิจเมื่อไหร่คือทุจริตเมื่อนั้น สมัยรัฐบาลอานันท์แก้โดยให้ใช้ราคาประเมิน ลงต้นทุนได้จริง ไม่ต้องหิ้วเงินสดไปจ่ายเขา เราจะให้สังคมเราเป็นสังคม cash society สรรพากรคิดแต่มุมตัวเอง

เรารู้ว่าราคาซื้อขายเป็นราคาเต็มใจ แก้ปัญหาหมดแล้วแค่เพิ่มราคาประเมินให้ใกล้เคียงราคาซื้อขายจริง โดยผมเห็นด้วยใช้ราคาประเมิน เพราะถ้าใช้ “ม. 49 ทวิ มาตราเดียวอย่าให้เสียวทั้งเมือง”

กม.ฟอกเงินถ้าพวกผมไม่ไปแย้ง ป่านนี้ท่านเสียวทั้งเมือง ร่างกม.เดิมเงิน 2 ล้านถ้าแจ้งไม่ชัดเจนท่านยึดเลยนะ พวกเราต้องเบรก ที่สุดกรรมาธิการเลยต้องยอม เฉพาะ “ที่เป็นกระบวนการเท่านั้น” ไม่งั้นพวกเราซวย หักภาษีผิดไปขอคืนเงินภาษีสองล้าน ซวยเลย

ฉะนั้น พวกเราต้อง “อย่าเป็นไทยเฉย” ทำไมสภาหอฯ เพิ่งมาจัดสัมมนาเดือนนี้ อย่าเป็นคนประเภทนี้ครับ ตามกฎหมายใหม่ เขาจะต้องฟังประชาพิจารณ์ ถ้าไม่เห็นด้วยแสดงความเห็นไป อย่าเป็นไทยเฉย แล้วจะโทษใครพอถึงเวลา