โฮมโปร 9 เดือนแรก 2562 กำไรสุทธิ 4,428 ล้าน โตแบบฉุดไม่อยู่ 12.78%

ไม่เพียงแต่เป็น 1 ใน 20 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ปันผลผู้ถือหุ้นสูงที่สุด “โฮมโปร” เตรียมรับรางวัล DJSI-Dow Jones Sustainability Index ดัชนีชี้วัดความสำเร็จขององค์กรที่ยั่งยืนเป็นปีที่ 3 อีกด้วย

ล่าสุด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือโฮมโปร ประกาศผลดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรก 2562 มีรายได้รวม 50,493.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,634.89 ล้านบาท หรือ 3.35%

มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 4,428.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 501.87 ล้านบาท หรือ 12.78% เทียบกับช่วงเวลาเดียวรอพรกันของปี 2561

ทั้งนี้ มีรายได้จากการขาย 47,046.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,325.80 ล้านบาท หรือ 2.90% มาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมและสาขาใหม่ของโฮมโปร และเมกา โฮม

ยังมีรายได้ค่าเช่าและบริการ 1,951.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203.37 ล้านบาท หรือ 11.63% เป็นรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ, โฮมโปร และพื้นที่เช่าจัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับคู่ค้า

รายได้ค่าบริการ “home service” และรายได้อื่นอีก 1,496.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.72 ล้านบาท หรือ 7.60% จากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า ดอกเบี้ยรับ และรายได้เบ็ดเตล็ด

บริษัทมีกำไรขั้นต้น 12,496.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 542.68 ล้านบาท หรือ 4.54% เมื่อเทียบกับปี 2561

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นจาก 26.15% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 26.56% จากการปรับเปลี่ยนส่วนผสมสินค้าเพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไปและกลุ่ม direct surcing รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพวางแผนการจัดซื้อของโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปร มาเลเซีย

โดยไตรมาส 3/62 มีความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากผลกระทบสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบตามเศรษฐกิจคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลง ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนโดยเฉพาะดีมานด์ในประเทศ

การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากรายได้และการจ้างงานที่ปรับลดลง ประกอบกับกำลังซื้อยังคงได้รับแรงกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ราคาสินค้าการเกษตรทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชิม ช้อป ใช้ เป็นต้น

ทั้งนี้ ไตรมาส 3/62 ถือเป็นช่วง low season ของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น ตัวเลขด้านเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่ำสุดในช่วง 38 เดือน และอุทกภัยในต่างจังหวัด รวมถึงยอดขายสินค้ากลุ่มโทรทัศน์ที่สูงผิดปกติในช่วงไตรมาสที่ 3/61 ทำให้การเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3/62 ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้

ในส่วนการเติบโตของบริษัทย่อย “เมกา โฮม” มียอดขายทรงตัว, “โฮมโปร มาเลเซีย” ยังได้รับผลกระทบจากยอดขายที่สูงผิดปกติในปี 2561 จากการยกเลิกภาษี GST แต่เมื่อสรุปภาพรวมพบว่า บริษัทย่อยมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ ทั้งด้านอัตราการทำกำไรขั้นต้น และการบริหารค่าใช้จ่ายในด้านการขยายสาขาในไตรมาส 3/62 เปิดเพิ่ม 2 แห่งที่โฮมโปร มุกดาหาร และโฮมโปรเอส สามย่านมิตรทาวน์

เบ็ดเสร็จ ณ ไตรมาส 3/62 โฮมโปร 84 สาขา, โฮมโปรเอส 9 สาขา, เมกา โฮม 12 สาขา และโฮมโปร มาเลเซีย 6 สาขา