เอพีโชว์ยอดขาย 8 เดือน 23,300 ล้าน ลุยเปิดตัว 5 โครงการใหม่

เอพี ไทยแลนด์ เผยยอดขายรวม 8 เดือน จำนวน  23,300 ล้านบาท โดยปิดการขายไปแล้ว 6 โครงการ และคาดว่าไตรมาส 4/2564 จะปิดการขายเพิ่มอีก 8 โครงการ ขณะที่เดือนกันยายนนี้ลุยเปิดตัว 5 โครงการใหม่ มูลค่า 7,020 ล้านบาท รับคลายล็อกดาวน์-ดีมานด์ที่อยู่อาศัยใหม่

วันที่ 13 กันยายน 2564 นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เวลานี้ มองเห็นสัญญาณบวกที่เริ่มปรับฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ แม้ช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดโควิด–19 อาจทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจไปบ้าง แต่ขณะเดียวกันพบว่ามีลูกค้าที่มองหาที่อยู่อาศัยหลังใหม่ต่อเนื่อง 

ส่งผลให้ 8 เดือนที่ผ่านมา เอพีสามารถสร้างยอดขายรวมได้ 23,300 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากบ้านเดี่ยว 12,400 ล้านบาท เติบโต 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีจำนวน 9,100 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตด้านยอดขายที่แข็งแกร่งและโดดเด่นท่ามกลางสภาวะตลาดผันผวน

จุดแข็งของสินค้าบ้านเดี่ยวเอพีที่โดดเด่น นอกเหนือจากทำเลและแพ็กเกจราคาที่สอดรับกับดีมานด์ลูกค้าในแต่ละทำเลแล้ว ยังรวมถึงการผนวกประสบการณ์และการไม่หยุดพัฒนาโมเดลบ้าน ภายใต้แนวคิด “HYBRID LIVING” นวัตกรรมบ้านที่เข้าใจชีวิต ที่ตอบรับเทรนด์ HOMEBODY หรือการใช้ชีวิตติดบ้านในวิถีใหม่ ทั้งพื้นที่ใช้สอยในบ้านและพื้นที่ส่วนกลาง ที่ตอบโจทย์สมาชิกในครอบครัวกับการทำทุกกิจกรรมในบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการบ้านเดี่ยวเครือเอพี จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ตามพันธกิจใหญ่ “EMPOWER LIVING” ที่มุ่งส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ตอบอินไซด์การอยู่อาศัยของลูกค้าครอบครัวในวิถีใหม่ทั้งวันนี้และอนาคต

“8 เดือนที่ผ่านมาบ้านเดี่ยวเครือเอพี มียอดลูกค้าเยี่ยมชมโครงการผ่านการนัดหมายล่วงหน้าทางระบบออนไลน์ เฉลี่ย 385 ครอบครัว/สัปดาห์ นับเป็นกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถประกาศปิดการขายไปได้ทั้งสิ้น 6 โครงการ โดยมีโครงการไฮไลต์ เช่น THE PALAZZO ศรีนครินทร์, THE CITY สาทร – สุขสวัสดิ์ และ CENTRO สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายโดดเด่น”

ดังนั้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างมั่นคง ย้ำตำแหน่งผู้นำบ้านเดี่ยวในเมือง ที่พร้อมรองรับความต้องการซื้อของลูกค้า เดือนกันยายนนี้เอพีพร้อมเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่เพิ่ม 5 โครงการ รวมมูลค่า 7,020 ล้านบาท มุ่งกระจายหลากหลายทำเลขายดี เพื่อเติมเต็มช่องว่างของโครงการเดิมที่ปิดการขายไปแล้ว 

และเพื่อสร้างโอกาสความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากขึ้น รวมถึงการรุกขยายพอร์ตในเซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักเซอรี่ ด้วยแบรนด์มาสเตอร์พีซอย่าง “บ้านกลางกรุง” ที่จะกลับมาปักธงในทำเลหรูใจกลางเมืองอีกครั้ง

บ้านเดี่ยวเอพี 5 โครงการใหม่ ที่พร้อมเปิดขายเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ 1.บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3 มูลค่า 400 ล้านบาท บนที่ดิน 2 ไร่ จำนวน 13 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ดีไซน์โมเดิร์นวิถีใหม่ พร้อมสเปซฟังก์ชั่นขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอย 217-310 ตร.ม. ราคา 35-60 ล้านบาท 

2.THE CITY ปิ่นเกล้า-บรมฯ 2 มูลค่า 2,060 ล้านบาท บนที่ดิน 48 ไร่ จำนวน 105 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวหรูหลังใหญ่ ดีไซน์ทันสมัยระดับไฮเอนด์ ฟังก์ชั่นใหญ่ พร้อม Double Volume เพดานสูงเพิ่มความปลอดโปร่ง พื้นที่ใช้สอย 380-500 ตร.ม. ราคา 18.9-29 ล้านบาท 

3.THE CITY รามอินทรา-วงแหวน มูลค่า 1,270 ล้านบาท บนพื้นที่ดิน 34 ไร่ จำนวน 108 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น พื้นที่ใช้สอย 380-500 ตร.ม. ราคา 15.99-21 ล้านบาท 

4.CENTRO วิภาวดี มูลค่า 2,090 ล้านบาท บนพื้นที่ดิน 56 ไร่ จำนวน 233 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น ฟังก์ชั่นครบ 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 193-274 ตร.ม. ราคา 8.99-12 ล้านบาท 

และ 5.CENTRO ราชพฤกษ์ 345 มูลค่า 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ดิน 42 ไร่ จำนวน 187 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่ ฟังก์ชั่นใหญ่ 4 ห้องนอน 3 ที่จอดรถ พร้อม Home Automation ทั้งหลัง บนทำเลติดถนนใหญ่ 345 พื้นที่ใช้สอย 274 ตร.ม.  ราคา 5.99-12 ล้านบาท 

“แม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะท้าทายอย่างมาก แต่ด้วยความตั้งใจในการพัฒนาและส่งมอบบ้านเดี่ยวทุกโครงการในเครือเอพี รวม 5 โครงการใหม่ที่พร้อมเปิดตัวเดือนกันยายนนี้ ภายใต้แนวคิดที่เป็นจุดต่าง HYBRID LIVING นวัตกรรมบ้านที่เข้าใจชีวิต โดยเฉพาะตอบโจทย์เทรนด์ HOMEBODY การใช้ชีวิตติดบ้านท่ามกลางสถานการณ์โควิด–19 ที่จะเอ็มพาวเวอร์การอยู่อาศัยของสมาชิกทุกคนในบ้าน พร้อมสเปซฟังก์ชันที่ตอบสนองการอยู่อาศัยร่วมกันในวิถีใหม่ของสมาชิกในครอบครัวได้ไม่จำกัดทั้ง เพศ วัย ไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนรวมภายในบ้านหนึ่งหลังได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ ผนวกกับการเพิ่มมิติความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ด้วยการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการดีไซน์พื้นที่ในบ้านและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และสุดท้ายคือ การเฟ้นหาโลเกชั่นโครงการที่ดีที่สุดในย่าน ในแพ็กเกจราคาขายที่จับต้องได้จริง โดนใจดีมานด์ในแต่ละย่าน ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นตามเป้าหมาย ทั้งในมิติการขายและการโอนกรรมสิทธิ์อย่างแน่นอน” นายรัชต์ชยุตม์กล่าวสรุป