อสังหาริมทรัพย์

บานดี้ ผุด BAANDY Terminal แอปฯ ซื้อขายวัสดุก่อสร้าง

ภาพจาก pixabay

บานดี้ เปิดตัว BAANDY Terminal แอปพลิเคชั่นซื้อขายวัสดุก่อสร้าง ชิงเค้ก 5 แสนล้าน ชูจุดเด่นผสานการขายออนไลน์-ออฟไลน์ครบวงจร เฟสแรกเจาะอีสาน-ตะวันออก ขยายเครือข่าย 3 พันร้านค้า ตั้งเป้าปี 65 ทำรายได้ 400 ล้านบาท

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บานดี้ โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้พัฒนา BAANDY แอปพลิเคชั่น ซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านสัญชาติไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดวัสดุก่อสร้างมีมูลค่า 5 แสนล้านบาท ในปี 65 มีแนวโน้มขยายตัว 3-5% จากปัจจัยบวกประเทศไทยรับมือสถานการณ์โควิดดีขึ้น และกลยุทธ์การปรับตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ดีมานด์เพิ่มขึ้น

ขณะที่ในแง่แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายสินค้าออนไลน์ของกลุ่มธุรกิจก่อสร้างยังไม่มีการเปิดขายผ่านทางออนไลน์ดังสินค้าชนิดอื่น ๆ ทำให้บานดี้ยังมีโอกาสเติบโตสูง

ล่าสุด ได้ต่อยอดพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชนอนลผสานการขายออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วยกัน ผ่านการเปิดตัว BAANDY Terminal เพื่อตอบโจทย์ร้านค้าวัสดุก่อสร้างยุคใหม่กว่า 9 พันร้านค้า ที่ต้องการขยายขีดการแข่งขันให้สู้โมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างได้

โดยแพลตฟอร์มของบานดี้ชูจุดเด่นแพลตฟอร์มซื้อขายวัสดุก่อสร้างแบบครบวงจร เข้าถึงพฤติกรรมลูกค้าผ่านประวัติสั่งซื้อสินค้าแบบ Realtime เช็กจำนวนสินค้า บริหารสต๊อก ระบบบัญชี และเก็บข้อมูลเมมเบอร์ด้วยระบบ CRM

ในเฟสแรกจะขยายไปสู่เครือข่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้างท้องถิ่น 3 พันร้านค้า นำร่องภาคอีสานและภาคตะวันออก เพื่อเคลื่อนตัวใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น และอนาคตเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นจะขยายไปจนครบ 9 พันร้านค้าที่มีอยู่ในตลาด

ขณะที่งบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 50-60 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มตามเป้าหมายในแต่ละปี และเน้นเพิ่มโปรโมชั่นสินค้าป้ายแดงลดราคาตั้งแต่ 10-90% โดยการสุ่มสินค้าและช่วงเวลา เพื่อต้องการให้ผู้ซื้อเข้าแอปพลิเคชันบ่อยขึ้น พร้อมร่วมสนุกและถือเป็นการคืนกำไรให้ผู้ซื้อด้วย

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 อยู่ที่ 400 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นรายได้จากแพลตฟอร์ม 40%, รายได้จากค่าโฆษณา 15%, รายได้จากระบบปฏิบัติการร้าน 25%, รายได้จากการจัดส่ง 15% และรายได้อื่น ๆ 5%

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ามีสินค้าวัสดุก่อสร้างและของใช้เกี่ยวกับบ้านมากกว่า 4 หมื่นรายการให้ลูกค้าเลือกซื้อ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 หมื่นรายการ