ลลิลฯ ประกาศโตติดต่อกัน 3 ปีรวด เตรียมเปิดตัวใหม่ 8-10 โครงการ ทำเลกรุงเทพฯยันต่างจังหวัด

นายไชยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้เติบโตได้ 5-7% เป็นสัญญาณฟื้นตัวดีกว่าปี 2560 โดยโครงการแนวราบมีดีมานด์สูง จากผลกระทบของตลาดคอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 แสนบาท/ตารางเมตร หายากมาก ซึ่งมีภาวะราคาสูง คนจึงเริ่มหันมามองหาสินค้าแนวราบมากขึ้น

แผนธุรกิจบริษัท วางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย (พรีเซล) 4,400 ล้านบาท เป้ายอดรับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 15%

แผนด้านการเงิน ปีนี้บริษัทมีดีล 960 ล้านบาท อย่างน้อยต้องรีเพลสเมนต์ คาดว่าต้องออกหุ้นกู้ 1,000-1,200 ล้านบาท อายุ 3 ปีภายในเดือนเมษายนนี้ โดยมีเครดิตเรตติ้ง BBB+ ดอกเบี้ยไม่เกิน 3.2% และมีสินเชื่อโครงการรองรับอีก 1,200 ล้านบาท ในด้านหนี้สินต่อทุน ภาพรวมตลาดอยู่ที่ 1.3-1.4 ต่อ 1 ขณะที่บริษัทรักษาระดับ 0.8-1:1 จึงมองว่าบริษัทค่อนข้างแข็งแรงทางการเงิน

“ปีนี้เราบริหารจัดการยอดปฏิเสธสินเชื่อให้น้อยลง จากปัจจุบันมีสถิติ 20% ตั้งเป้าลดเหลือ 10% โดยตั้งทีม Financial Clinic กับทีมติดตามการขาย พร้อมกับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนที่ลดตัวลง คาดว่าทำให้ตัวเลขขายกับการโอนให้ใกล้เคียงกัน และนำไปสู่เป้าหมายการเติบโต 15%”

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ลลิลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ ทำเลการแข่งขันยังเน้นกรุงเทพฯ และปริมณฑล 75-80% ต่างจังหวัด 20-25% จุดเน้นกลยุทธ์คือการทำการตลาดสื่อออนไลน์หรือดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง

“เมืองไทยมี 50 ล้านแอคเคานต์ ตัดผู้สูงอายุกับเด็กกล่าวได้ว่าแทบทุกคนมีดิจิทัลแอคเคานต์ ดังนั้น บริษัทจึงเน้นการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง”

ขณะเดียวกัน การสื่อสารที่มีผลต่อลูกค้าไม่ใช่การขายสินค้าตรงๆ แบบเดิม แต่เป็นสื่อบอกต่อหรือ Third Part โดยบริษัทนำบิ๊กดาต้ามาประยุกต์ใช้มากขึ้นในปีนี้

“ทุกๆ ปีมีคำถามเข้ามาต่อเนื่องว่าทำไมไม่ทำบ้านหลังที่สอง บริษัทยืนยันนโยบายในการทำบ้านสนองลูกค้าเรียลดีมานด์ ซื้ออยู่จริง ทุกทำเลทุกโครงการมีผลตอบรับที่ดี เช่น EEC”

สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ ตั้งเป้าอย่างน้อยไตรมาสละ 2-2-2 โครงการ ให้สอดคล้องกับแผนออกหุ้นกู้ แบ่งเป็นภาคเหนือกับสุวรรณภูมิอย่างละ 1 โครงการ

“ปีที่แล้วเปิดลลิลทาวน์ รังสิต คลอง 4, ประชาอุทิศ, อ่อนนุช-ลาดกระบัง และเมืองชลบุรีใกล้นิคมอุตสาหกรรมอมตะ คอนเซ็ปต์ มิกซ์ยูส-มิกซ์เซกเมนต์ ปีนี้จึงมีแบรนด์บุกทั้ง Lanceo กับ Lio ทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์น ตอบโจทย์ลูกค้าตลาดกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ทำเลการลงทุนอยู่ในกรุงเทพฯ 80% ต่างจังหวัด 20%” นายชูรัชฏ์กล่าว