สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำ ด้วยไฟฟ้า คว้ารางวัลสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ

สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำ ด้วยไฟฟ้า คว้ารางวัลสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ

สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท้ายวัดพญาปันแดน จำกัด สุดยอดสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประเภทสหกรณ์ผู้ใช้น้ำ ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เป็นเลิศ เน้นพึ่งพาตัวเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจทั้ง 5 ธุรกิจ ให้มีผลกำไรกลับคืนมาทั้ง 5 ธุรกิจ  

นายโสภณ ศรีโยธิน สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ต้องขอแสดงความยินดีกับทางสหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท้ายวัดพญาปันแดน จำกัด ที่ได้รับรางวัลสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประเภทสหกรณ์ผู้ใช้น้ำประจำปี พ.ศ. 2567 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์รวมถึงสมาชิกสหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท้ายวัดพญาปันแดน จำกัด ทุกคนมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใสมาโดยตลอด เพื่อสร้างธุรกิจให้เกิดความเข้มแข็ง และมุ่งมั่นส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มคุณภาพผลผลิตด้วยนวัตกรรม ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ประหยัดเวลาและแรงงาน สร้างรายได้เพิ่ม สู่ความมั่นคงในการดำรงชีวิต

โดยสหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท้ายวัดพญาปันแดน จำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 8 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2534  มีสมาชิกแรกตั้ง 14 คน ปัจจุบันมีสมาชิก 1,073 คน สหกรณ์ดำเนินการธุรกิจ ได้แก่ ด้านสินเชื่อ ด้านการจัดหาสินค้ามาจำหน่าย รวบรวมผลผลิต ธุรกิจให้บริการและส่งเสริมการเกษตร และรับฝากเงิน

Advertisment

ด้าน นายเหลียง เมืองเสือ ประธานกรรมการการสหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านท้ายวัดพญาปันแดน จำกัด ยกตัวอย่างความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจว่า ทางสหกรณ์มุ่งส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มคุณภาพผลผลิตด้วยนวัตกรรม โดยนำโดรนเพื่อการเกษตร มาให้บริการสมาชิก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ประหยัดเวลาและแรงงาน ทุ่นแรงในการฉีดพ่นสารเคมีแบบแม่นยำและตรงจุด เกษตรกรปลอดภัยโดยไม่ต้องสัมผัสสารเคมีโดยตรง ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านจากยุค Farmer Aging Society สู่ยุคของ Smart Farmer ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยสมาชิกได้รับประโยชน์ กว่า 900 ราย บนพื้นที่ทำการเกษตร 10,000 ไร่ ส่งผลให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้เฉลี่ยรายละ 500 บาทต่อไร่ เพิ่มรายได้เฉลี่ยรายละ 2,000 บาทต่อไร่ นอกจากนี้สหกรณ์ยังส่งเสริมให้สมาชิกประกอบอาชีพเสริมหลังการประกอบอาชีพหลักอย่างยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมสมาชิกปลูกพืชหลังนา เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง  ถั่วเขียว ทดแทนการปลูกข้าว เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มเฉลี่ยรายละ 4,000 บาทต่อไร่  มีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความมั่นใจในการประกอบอาชีพ และมีความมั่นคงในการดำรงชีพ

ผ่านการจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานและทบทวนแผนทุกปี เพื่อให้บริการสมาชิก 5 ธุรกิจ สามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้ครอบคลุมความต้องการ ผลการดำเนินงานมีกำไรทั้ง 5 ธุรกิจ ผ่าน 5 กลยุทธ์ ได้แก่การอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสหกรณ์แก่สมาชิกเดิมและสมาชิกใหม่ ,การให้การศึกษาอบรมเกี่ยวกับการบริหารงานของสหกรณ์แก่คณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ,การส่งเสริมให้สมาชิกได้รับการศึกษาอบรมเกี่ยวกับการประกอบอาชีพมากกว่า 4 หลักสูตรต่อปี ,มีช่องทางการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับสมาชิกและบุคคลภายนอกได้รับรู้มากกว่า 7 ช่องทาง และการร่วมมือหรือเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกับองค์กรอื่น มากกว่า 12 หน่วยงาน 

โดยปีบัญชี 30 กันยายน 2565 ที่ผ่านมามีปริมาณธุรกิจรวม 411,438,290 บาท  ได้กำไรสุทธิ 2,297,461.51 บาท จ่ายเงินปันผลให้สมาชิก 656,714 บาท และจ่ายเงินเฉลี่ยคืน 520,698 บาท  และมีการจัดและจ่ายสวัสดิการให้สมาชิกและครอบครัวครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา การสงเคราะห์  การรักษาพยาบาล และด้านอื่น ๆ 

Advertisment

“ในระยะเวลาที่ผ่านมาผลการดำเนินงาน 3 ปี ของสหกรณ์เรามีเสถียรภาพทางการเงิน อยู่ในระดับมั่นคงดีในปีที่ 1 และ ปีที่ 2 และระดับมั่นคงตามมาตรฐานในปีที่ 3 มีอัตราส่วนทุนสำรองต่อสินทรัพย์ เฉลี่ย 0.07 เท่า อัตราการจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสำรอง เฉลี่ยร้อยละ 18.22 อัตราการจัดสรรกำไรสุทธิเป็นทุนสะสมอื่น เฉลี่ยร้อยละ 17.81 และอัตราทุนภายในต่อสินทรัพย์ เฉลี่ยร้อยละ 58.96 ปีบัญชีสิ้นสุด 30 กันยายน 2565 สหกรณ์มีทุนดำเนินงานทั้งสิ้น 133,207,386.96 บาท ประกอบด้วย ทุนเรือนหุ้น 26,990,270 บาท ทุนสำรอง 9,021,826.41 บาท และทุนสะสมตามข้อบังคับ ระเบียบและอื่น ๆ 804,826.09 บาท แสดงให้เห็นว่าสหกรณ์มีความมั่นคงและฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี ซึ่งในฐานะประธานกรรมการ ขอสัญญาว่าสหกรณ์จะดำเนินธุรกิจอย่างซื่อสัตย์และโปร่งใสตลอดไป เพื่อพี่น้องสมาชิกสหกรณ์ทุกคน” นายเหลียง กล่าวทิ้งท้าย