“ดร.ธิติวัฐ” ชี้ แบงก์ชาติควรรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน 

“ดร.ธิติวัฐ” ชี้ แบงก์ชาติควรรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วน 

ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยถึงข้อกังวลต่อการดำเนินนโยบายทางการเงิน ของธนาคารแห่งประเทศไทย

โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสวนทางกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่มี ฃอัตราเงินเฟ้อโดยคาดการณ์อยู่ที่เพียง 0.6 – 0.8 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ โดยปัจจัยที่สำคัญส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาระต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง อีกทั้งยังส่งผ่านต้นทุนนี้ให้กับผู้บริโภคผ่านทางการปรับตัวของราคาสินค้า

นอกจากนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงยังส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของภาคเอกชน  อันสืบเนื่องมาจากภาระต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายบริษัทเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น และยังส่งผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่มีการปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 51.9 ในเดือนเมษายน 2567 จากระดับ 54.1ในเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าการคงอัตราดอกเบี้ยที่สูง ยังส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของภาคประชาชน

ดร.ธิติวัฐ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ว่าแบงก์ชาติยังคงความเป็นอิสระ แต่ควรรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นจากภาคประชาชน หรือแม้กระทั้ง ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยตนเชื่อว่า การสะท้อนข้อกังวลต่อการดำเนินนโยบายของแบงก์ชาตินั้น แบงก์ชาติควรรับฟังเพราะเป็นการสะท้อนถึงปัญหาการดำเนินนโยบายทางการเงินในปัจจุบัน ทั้งนี้ทุกภาคส่วนมีสิทธิตั้งคำถามถึงมาตราการที่แบงก์ชาติบังคับใช้ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเศรษฐกิจจะเดินไปข้างหน้าได้ต้องอาศัย นโยบายทางการเงินและการคลังที่เหมาะสม