GC ผนึกคน GEN S แก้ปัญหาเร่งด่วนของโลก

งานประชุมระดับโลก “GC Sustainable Living Symposium 2023: We are GEN S” เป็นการต่อยอดความสำเร็จสู่ปีที่ 4 จัดโดยบริษัท พีพีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จับมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา เพื่อรวมตัว “GEN S” (Generation Sustainability) คำที่ใช้เรียกคนเจเนอเรชั่นใหม่หัวใจยั่งยืน, 40 สุดยอดผู้บริหาร, และผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ

มาร่วมส่งต่อแนวคิดสู่แนวทางปฏิบัติจริงที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาเร่งด่วนของโลก เปลี่ยนผ่านจากสภาวะโลกร้อนที่กำลังเข้าสู่วิกฤตโลกเดือด ให้เป็นโลกที่ดีขึ้นเพื่อทุกคน โดยงานจัดขึ้น 2 วัน ในวันที่ 27-28 ตุลาคม 2566 ที่มีทั้งเวทีเสวนานำความยั่งยืนมาทำให้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว จากองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทย และกลุ่มไอดอล GEN S สายกรีน นอกจากนั้นมีโซนนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อความยั่งยืนที่จะมาสร้างแรงกระเพื่อมการใช้ชีวิตแบบ sustainable living

ยูริ ยาร์วิอะโฮ
ยูริ ยาร์วิอะโฮ

การประชุมระดับโลกครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก “ยูริ ยาร์วิอะโฮ” เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน และแสดงวิสัยทัศน์ว่า ตอนนี้การช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะคน GEN S ต้องเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลง

ตามที่นานาประเทศตั้งใจร่วมมือไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ มาตั้งแต่ปี 2015 เพื่อสร้างความสงบสุข ความมั่งคั่ง และเพื่อโลกที่ยั่งยืน แต่กลับได้รับผลกระทบทำให้ความก้าวหน้าล่าช้าจากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศแปรปรวน สงคราม เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ผลกระทบจากโควิด-19

“Sustainable Development Report 2023 ซึ่งแสดง index รายปีด้านความก้าวหน้าในการทำตามเป้าหมาย SDGs จัดให้ฟินแลนด์อยู่อันดับ 1 ตามด้วยสวีเดน และเดนมาร์ก เหตุผลคือ ฟินแลนด์มีรัฐสวัสดิการที่เข้มแข็ง การศึกษามีคุณภาพสูง มีนวัตกรรม ความเท่าเทียมทางด้านเพศ

หลักปฏิบัติด้านพลังงานทดแทนที่ใช้ได้จริง มีประชาธิปไตย มีธรรมาภิบาลที่ดี และมีความร่วมมือกับนานาประเทศในการไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของฟินแลนด์ยังคงมี โดยจะเป็นในด้านรูปแบบการบริโภค ทั้งนี้ เราตั้งเป้าเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอนเป็นหลัก และเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 75%”

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง

“ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC บริษัทเคมีภัณฑ์อันดับหนึ่งของโลก 4 ปีซ้อนในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์จาก DJSI กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกของทั้งโลก แต่ประเทศไทยกลับเป็น 1 ใน 10 ประเทศของโลกที่จะได้รับผลกระทบสูงสุด

ก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่โลกมาจาก 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ภาคพลังงาน ภาคเกษตรกรรรม และภาคอุตสาหกรรม ทาง GC ในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนมายาวนาน ได้เล็งเห็น 2 แนวทางการแก้ไขปัญหาที่จะเป็นทางออกเร่งด่วนให้กับโลก ได้แก่ Energy Transition และ Circular and Bio-based Economy

ในเรื่องของ Energy Transition คือการปรับจากการใช้พลังงานแบบฟอสซิล ก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพทางพลังงาน การใช้พลังงานสะอาดรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ

หากเราสามารถยกระดับข้อได้เปรียบนี้มาปรับใช้ อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรด้วยแนวทางแบบ Bio Solutions จะสามารถช่วยประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ และยังสอดคล้องกับโมเดลธุรกิจ BCG ของประเทศ

หรือการนำหลัก Circular Economy ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ reduce, reuse และ recycle มาปรับใช้ในการทำการเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ เช่น การทำนาน้ำน้อย เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้ทรัพยากร ในขณะที่ปริมาณผลผลิตได้เท่าเดิมหรือมากกว่า ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นประโยชน์มากแก่ประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าวลำดับต้น ๆ ของโลก

“พวกเราในฐานะกลุ่ม GEN S ต้องลงมือช่วยกัน ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะเป็นเจเนอเรชั่นที่จะถูกจดจำว่าเป็นผู้ร่วมกันสร้างความแตกต่างให้กับโลกอย่างแท้จริง”

นับว่างาน GC Sustainable Living Symposium 2023: We are GEN S ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแนวทางให้กับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับองค์กร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และระดับบุคคล ได้เรียนรู้ภาคปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ในการแก้ปัญหาเร่งด่วนของโลก และส่งต่อแรงบันดาลใจการใช้ชีวิตในแบบ sustainable living เพื่อโลกที่ดีขึ้น