ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม ชัยชนะเพื่อก้าวสู่โลกแห่งการงาน

ทุก ๆ องค์กรต่างมีความเชื่อในเรื่อง “คน” เพราะ “คน” ถือเป็นทรัพยากรมนุษย์อันมีค่ามากที่สุดสำหรับองค์กร เพียงแต่วิธีในการสรรหาคนอาจมีความแตกต่างกัน

บางองค์กรอาจโรดโชว์ไปตามมหา”ลัยต่าง ๆ เพื่อเลือกคนที่ “ใช่” สำหรับองค์กรบางองค์กรอาจใช้วิธีรีครูตผ่านออนไลน์และอื่น ๆ อีกมากมาย

แต่สำหรับลอรีอัล กรุ๊ป นอกจากจะรีครูตคนผ่านใบสมัครงาน, รับสมัครทางออนไลน์ และการสรรหาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยผ่านการแนะนำจากบริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ แล้ว วิธีหนึ่งที่ลอรีอัล กรุ๊ป เลือกกลุ่มคนที่มีทักษะความสามารถพิเศษ (talent) มาร่วมงานคือ การดำเนินโครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม

โครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม จัดขึ้นครั้งแรกโดยบริษัท ลอรีอัล กรุ๊ป ในปี 2535 ดังนั้น ตลอดระยะเวลาผ่านมา 25 ปี ใน 2560 จึงมีจำนวนนิสิต-นักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ กว่า 120,000 คน จาก 60 ประเทศทั่วโลก ต่างเข้าร่วมแข่งขันเพื่อนำเสนอการวางแผนการตลาดรวมถึงประเทศไทยด้วย

เพราะโครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม ประเทศไทย เข้าร่วมโครงการมาตั้งแต่ปี 2545 ถึงวันนี้รวมเป็นเวลากว่า 15-16 ปี ที่ลอรีอัล ประเทศไทย เข้าร่วมโครงการ เพียงแต่ในปี 2560 ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอ ด้วยการหันมาพรีเซนต์โครงงานต่อคณะกรรมการผ่านการขายไอเดีย (business pitching)

Advertisment

โดยในปีเดียวกันนั้นเอง นักศึกษาจากทีม “Chemerical” มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ไม่เพียงคว้ารางวัลชนะเลิศในประเทศไทย หากยังคว้ารางวัลชนะเลิศในระดับเอเชีย-แปซิฟิก กระทั่งไปคว้ารางวัลชนะเลิศ ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2017 ในระดับโลก สาขา Brand Award ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย

ดังนั้น จึงถือเป็นครั้งแรกของโครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม ประเทศไทย ที่ตัวแทนนักศึกษาจากมหา”ลัยของไทยมีโอกาสคว้ารางวัลระดับโลกยังแผ่นดินแม่ของลอรีอัล

สำหรับปี 2561 นักศึกษาจากทีม “Brainstrong” คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลักสูตรนานาชาติ (BBA) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2018 ด้วยการนำเสนอกลยุทธ์ และพัฒนาแผนการตลาดดิจิทัลภายใต้โจทย์ “Invent the Professional SALON Experience of the Future” หรือ “สร้างประสบการณ์ซาลอนมืออาชีพแห่งอนาคต” ทั้งยังเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันต่อในเวทีระดับโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2561

ทั้งนั้นคงต้องมาดูกันต่อไปว่า นักศึกษากลุ่มนี้อันประกอบด้วย ณัชชารีย์ นิธิพรธนรัตน์, ภัณฑิลา จินดาสถาพร และเปมิกา มาศอาณา จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการปกป้องแชมป์ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2018 บนเวทีระดับโลกได้อีกครั้งหรือไม่

Advertisment

แต่กระนั้น คงต้องยอมรับความจริงว่า นักศึกษาจากโครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม ทุกคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ล้วนเป็นบุคลากรสำคัญของลอรีอัล ประเทศไทย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ถือเป็น “talent” ของคนในองค์กรในระดับหนึ่ง

ธนยศ ครุฑระเบียบ

สำหรับเรื่องนี้ “ธนยศ ครุฑระเบียบ” ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ตลอดเวลาดำเนินโครงการลอรีอัลแบรนด์สตอร์มกว่า 15 ปี เรามีน้อง ๆ จากกลุ่มนี้ประมาณ 10% แต่กระนั้น เรามีขั้นตอนของเรา เพราะหลังจากที่เขาผ่านโครงการเรียบร้อย เราจะให้เขามาฝึกงาน เพื่อดูว่าเขาชอบ หรือสนใจธุรกิจของเราจริง ๆ หรือเปล่า

“ถ้าสนใจ เราให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในกลุ่มผู้จัดการฝึกหัด (management trainee) ซึ่งจากตรงนี้ career path เขาจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านมาเคยมีน้อง ๆ ที่ผ่านโครงการนี้มาเติบโตสูงสุดในตำแหน่ง maketing director ประจำอยู่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน เรามีน้อง ๆ หลายคนทำงานอยู่ต่างประเทศ บางคนเป็น project manager ดูแลเรื่องการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ”

“น้อง ๆ กลุ่มนี้เป็น talent ขององค์กร และ career path ของเขาค่อนข้าง fast track ทั้ง ๆ ที่พวกเขาจบระดับปริญญาตรี ขณะที่พนักงานส่วนใหญ่ของลอรีอัล ประเทศไทย ต่างจบปริญญาโทแทบทั้งนั้น เราจึงต้องบริหารจัดการบุคลากรของเราให้มีความเป็นธรรม พยายามบาลานซ์ และจะต้องดูแลคนที่อยู่ใน career ปกติด้วย แต่อย่างที่บอก พวกน้อง ๆ เหล่านี้เป็น talent ขององค์กร เราจึงต้องมีวิธีการดูแลพวกเขาเป็นพิเศษ”

“แต่ผมยอมรับว่าน้อง ๆ กลุ่มนี้อัตรา turn over สูงเช่นกัน เพราะใคร ๆอยากจีบเขาไปอยู่ด้วย อีกอย่างอาจเป็นเทรนด์ของเด็กรุ่นใหม่ด้วยที่อยากออกไปเรียนรู้งาน อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจึงต้องเข้าใจ และต้องยอมรับให้ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของผมโดยตรง ต้องพยายามนำเสนอ career ในหลาย ๆ business เพื่อให้เขาเลือกว่าอยากจะทำอะไร เรามีการพูดคุยกับเขาตลอด เพื่อให้เขาอยู่กับองค์กรนาน ๆ”

“ธนยศ” บอกเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องพูดความจริงกับเขา ชี้ทิศทางให้เขาเห็นอนาคต เพราะโดยส่วนใหญ่น้อง ๆ ที่ผ่านโครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์มใช้เวลา 6-7 ปี สามารถก้าวขึ้นมาเป็น maketing director ผมคิดว่าค่อนข้างรวดเร็วนะ

“ซึ่งเหมือนกับน้อง ๆ จากทีม Brainstrong ก็เช่นกัน เพราะอย่างที่ทราบ โจทย์ของการแข่งขันปีนี้เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์ซาลอนมืออาชีพแห่งอนาคต และน้อง ๆ กลุ่มนี้เขามีจุดขายในเรื่องของนวัตกรรม เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งยังให้ความสำคัญกับเรื่องผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมด้วย ผมว่าตรงนี้เป็นจุดเด่นของพวกเขา”

“แม้เขาจะนำเสนอซาลอนในรูปแบบใหม่ แต่ไม่ทิ้งรูปแบบซาลอนแบบเดิม ๆ พวกเขานำเครื่องมือทุกอย่างมาผสมผสานกัน บวกกับการนำเสนอที่ดี จนทำให้คณะกรรมการรู้สึกถูกใจในการนำเสนอของพวกเขา จนเลือกทีมนี้ชนะเลิศ และต้องยอมรับว่าปีนี้ลักษณะการพรีเซนต์จะเหมือนกับปี 2560 เพราะอาศัยรูปแบบ business pitching เหมือนกับปีที่แล้ว”

“แต่สิ่งที่ยากกว่าคือ ปีนี้มีน้อง ๆ จากมหา”ลัยต่าง ๆ เข้ามาสมัครกว่า 90 ทีม ซึ่งถือว่าเยอะที่สุดตั้งแต่มีการเปิดโครงการ นอกจากนั้น ในปีนี้จุดเด่นของการแข่งขันคือการจัด Innovation Fair หรือการแสดงไอเดียนวัตกรรมของทีมนักศึกษาผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยเปิดโอกาสให้น้อง ๆ 8 ทีมที่ผ่านการคัดเลือกนำเสนอในรูปแบบของการขายไอเดีย เพื่อคัดกรองให้เหลือ 5 ทีม และจาก 5 ทีม จะมีเวลาเพียง 5 นาที ในการพรีเซนต์ต่อหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ลงทุนในผลงานของพวกเขาเพื่อคัดกรองให้เหลือเพียง 1 ทีม สำหรับผู้ชนะเลิศเท่านั้น”

ปรากฏว่าทีม “Brainstrong” จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลักสูตรนานาชาติ (BBA) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สามารถทำได้ เพราะพวกเธอเลือกคอนเซ็ปต์ “L”Oreal True You” โดยได้รับรางวัลเงินสดจำนวน 1 แสนบาท พร้อมโล่เกียรติยศ ทั้งยังเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันต่อใน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2018” ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคมนี้

“ภัณฑิลา” หนึ่งในตัวแทนจากทีม “Brainstrong” เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ L”Oreal True You ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ คือ augmented reality หรือความเสมือนจริง ที่ลูกค้าสามารถเลือกดูได้เลยว่า ถ้าอยากทำผมทรงนี้จะเหมาะกับรูปหน้าของตัวเองไหม หรือเข้ากับทรงผมทรงไหนมากที่สุด

“ส่วนที่สองคือการตรวจสภาพเส้นผมด้วยเครื่องสแกน Near-Infraed เพื่อวิเคราะห์สภาพเส้นผมโดยละเอียด เพื่อดูพื้นสีผมที่แท้จริงตามธรรมชาติของลูกค้า, ความหนาบางของเส้นผม, ความชุ่มชื้น และความยืดหนุ่นของเส้นผม เพื่อจะนำไปสู่ส่วนสุดท้ายก่อนการลงมือทำผม ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา เพื่อหาทรงผม สูตรสารเคมีที่ต้องใช้ และระยะเวลาในการทำผมที่เหมาะสม ด้วยการเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ big data ที่เก็บข้อมูลจำเป็นสำหรับการวิเคราะห์สภาพเส้นผมจากผู้เชี่ยวชาญไว้ในที่เดียวกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า ช่างผม สำหรับบริการลูกค้าในอนาคตต่อไป”

ถึงตรงนี้ “เปมิกา” เสริมว่า เพราะเราพบว่าเมื่อลูกค้าเข้ามาร้านทำผม ปัญหาส่วนใหญ่คือลูกค้าอยากทำผมทรงนี้ แต่พอเข้าไปทำจริง ๆ ผลลัพธ์กลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง จนทำให้ลูกค้าไม่พอใจ

“ตรงนี้อาจเป็นไปได้ว่าช่างผมอาจมีประสบการณ์ไม่เท่าเทียมกัน บางคนเก่งมาก บางคนเก่งน้อย แต่จริง ๆ แล้วสาเหตุสำคัญคือเพราะเขาไม่มีข้อมูลที่จะวิเคราะห์สภาพเส้นผมจากภายในได้ เป็นไปได้ว่าผ่านมาลูกค้าจะเซฟรูปจากในอินเทอร์เน็ต หรือดาราแล้วให้ช่างผมดู และก็บอกว่าอยากได้แบบนี้ ดังนั้น ถ้าช่างทำผมไม่มีประสบการณ์ หรือไม่มีทักษะที่ดีพอ การดูตาเปล่าจะไม่ทราบเลยว่าลูกค้าผ่านการทำผมอะไรมาบ้าง”

“L”Oreal True You จึงเข้ามาช่วยช่างผมตรงนี้ เพื่อให้ช่องว่างตรงนี้ลดลง เพราะนวัตกรรมของเราสามารถช่วยวิเคราะห์สภาพเส้นผมที่อยู่ภายในได้จริง ๆ ถามว่าเทคโนโลยีสามารถนำไปใช้ได้จริงไหม ใช้ได้จริงอย่างแน่นอน เพราะจากที่เรารีเสิร์ชข้อมูลพบว่าซาลอนบางแห่งในบางประเทศ เขาก็นำมาช่วยบ้างแล้ว”

นอกจากนั้น “เปมิกา” ยังเล่าให้ฟังถึงการปรับปรุงแอปพลิเคชั่น Style My Hair ให้ฟังเพิ่มเติมว่า จริง ๆ เวลาเราเข้าไปร้านทำผม เราจะได้รับข้อมูลข่าวสารเยอะมาก บางแห่งก็ไม่น่าเชื่อถือ บางแห่งก็เป็นข้อมูลเก่า เราจึงมานั่งคิดว่าน่าจะมี community อะไรสักอย่างเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับร้านทำผมเอาไว้ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานง่าย และไม่มีช่องว่างมากที่สุด

“จึงพบว่าลอรีอัล โปรเฟสชั่นนอล มีแอปพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Style My Hair อยู่ก่อนแล้ว เราจึงอยากนำแอปพลิเคชั่นตัวนี้มา integrate กับ L”Oreal True You เพื่อสร้างเป็นนวัตกรรมของเรา ด้วยการให้ลูกค้าโหลดแอปพลิเคชั่นตัวนี้ และเมื่อลูกค้าทดลองใช้แล้ว เขาจะเห็นโปรไฟล์ของตัวเองเลยว่าเคยไปทำผมร้านไหน เซอร์วิสของร้านนั้นเป็นอย่างไร และหลังจากลูกค้า Near-Infared แล้ว เขาจะได้ข้อมูลส่วนตัวทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับเส้นผมของตัวเอง ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจะลิงก์มาที่ซาลอนเพื่อทำการบุ๊กกิ้งในการทำผมต่อไป”

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทีม “Brainstrong “ไม่มองข้ามเลยคือ เรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะอย่างที่ทราบ การทำผมแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตัดผม, สระผม, ย้อมผม ล้วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้การทำผมต่าง ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีในยาย้อมผม ขยะจากหลอดยาย้อมสีผม ฟอยล์ย้อมผม และอื่น ๆ อีกมากมาย

ผลเช่นนี้ จึงทำให้ “ณัชชารีย์ ” มองว่า จากข้อมูลที่เรารีเสิร์ชพบว่าหลังจากที่ช่างผมย้อมสี หรือใช้สารเคมีในการตกแต่งทรงผม มักจะผสมสีเกินกว่าจำนวนจำเป็นที่ต้องใช้ในปริมาณ 35% แต่การที่เราใช้ Near-Infrared จะช่วยให้เราลดปริมาณขยะจากการผสมสีเกิน

“เพราะสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับมลพิษที่ลงไปในน้ำ เพราะเมื่อย้อมผมเสร็จ หรือทำผมเสร็จแต่ละครั้ง สีที่เหลือก็ต้องล้าง พอล้างเสร็จก็จะลงไปอยู่ในระบบนิเวศของน้ำ ทั้งยังมีขยะที่เกิดจากหลอดสีอีก ที่สำคัญ หลอดสีมักทำมาจากอะลูมินั่ม และอะลูมินั่มย่อยสลายยากมาก ดังนั้นเมื่อเรานำข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มาแสดงก็จะทำให้ลูกค้าเห็นว่าแอปพลิเคชั่นจะช่วยแสดงการลดปริมาณขยะ ทั้งยังช่วยลดจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศในปริมาณ 19.6 ล้านตัน/ปี”

“ขณะที่จะช่วยลดฟอยล์ย้อมผมอีกประมาณ 10% จาก 19.6 ล้านตัน แต่โดยรวม ๆ แล้ว L”Oreal True You จะช่วยบอกช่างผมได้เลยว่าจะต้องใช้โปรดักต์ในปริมาณเท่านี้ ก็จะช่วยทำให้ลดของเสีย หรือเคมิคอลที่ผลิตออกมาจากการใช้สีเกินลดลง สิ่งสำคัญอีกอย่าง เราเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลบางตัวเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ทั้งยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย”

ตรงนี้ล้วนคือทางเลือกใหม่ของลูกค้า

แต่สำหรับทีม “Brainstrong” จะพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ลูกค้าหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติมากขึ้น เพราะเห็นประโยชน์ชัดแล้วว่าถ้าเราช่วยลดของเสียที่เกิดจากผลิตภัณฑ์เคมีต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

โลกของเราก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น

………………..

บทบาทและหน้าที่


ต้องยอมรับว่าการไปรักษาแชมป์โครงการลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2018 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2561 ครั้งนี้ นอกจากน้อง ๆ จากทีม “Brainstrong” จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒาผลิตภัณฑ์โดดเด่นกว่าสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ กว่า 40-45 ทีม จาก 60 ประเทศทั่วโลกแล้ว

พวกเขายังจะต้องนำข้อมูลทางด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาอธิบายเพิ่มมากขึ้นด้วยเพื่อให้คณะกรรมการจากลอรีอัล กรุ๊ป เชื่อมั่นในไอเดียของเรา ทั้งยังสามารถนำไปพัฒนาได้จริงในโลกธุรกิจด้วย

“เพราะเราอยากเห็นเทคโนโลยีของเราแทรกเข้าไปในธุรกิจซาลอนบนโลกใบนี้”

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราคาดหวังสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ว่า “L”Oreal True You” จะเข้าไปอยู่ในซาลอนต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างเป็นรูปธรรม ตามคอนเซ็ปต์ หรือโจทย์ที่บอกว่า…สร้างประสบการณ์ซาลอนมืออาชีพแห่งอนาคต

ตอนนี้พวกเราแบ่งงานกันทำการบ้านอย่างหนัก โดย “ภัณฑิลา จินดาสถาพร” รับผิดชอบในส่วนของตัวเลขโดยรวมทั้งหมด ขณะที่ “เปมิกา มาศอาณา” รับผิดชอบในส่วนของเทคโนโลยี และ “ณัชชารีย์ นิธิพรธนรัตน์” รับผิดชอบในส่วนของซีเอสอาร์

ทั้ง 3 ส่วนนี้เราจะนำมาพรีเซนต์เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุด

และเราจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเช่นกัน