ลาคลอด…ยังต้องช่วยองค์กร

ประกอบบทความ
เอชอาร์คอร์เนอร์

ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ 
https://tamrongsakk.blogspot.com

ช่วงโควิดนี่ผมมักจะได้รับคำถามด้าน HR ที่เกี่ยวกับเรื่องโควิดในบริษัทต่าง ๆ มาโดยตลอดครับ

อย่างเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ก็เหมือนกัน เป็นเรื่องที่พอได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอามาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นข้อคิดในการบริหารงานบุคคล เผื่อว่าเรื่องทำนองนี้อาจจะไปตรงกับท่านจะได้ใช้เป็นแนวคิดในการแก้ปัญหาในช่วงที่เรากำลังยากลำบากนี้ด้วยครับ

เรื่องมีอยู่ว่าในบริษัทแห่งหนึ่งให้พนักงานหญิงลาคลอดลูกไปแล้วประมาณ 30 วัน ซึ่งตามกฎหมายแรงงานที่แก้ไขใหม่ล่าสุดก็ได้ให้ลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาคลอด (รวมการลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอด) ได้ครรภ์หนึ่ง 98 วัน

ดังนั้น พนักงานหญิงคนนี้ก็เหลือสิทธิวันลาคลอดอีกประมาณ 18 วัน หรือ 2 สัปดาห์เศษ ๆ

ปัญหามันมาเกิดตรงที่หน่วยงานของพนักงานหญิงคนที่ลาคลอดคนนี้ มีพนักงานคนหนึ่งติดเชื้อโควิด ซึ่งคนที่จะรู้งานและสามารถมาทำงานแทนได้คือพนักงานหญิงคนที่ลาคลอด ! !

Advertisment

ฝ่ายบริหารก็เลยอยากจะให้ HR ติดต่อพนักงานหญิงคนนี้ให้มาทำงานแทนเพื่อนพนักงานที่ติดเชื้อโควิด แล้วบริษัทจะทดวันลาคลอดอีกประมาณ 18 วันเอาไว้ให้หยุดในวันข้างหน้า

ถ้าท่านเป็น HR ท่านจะตอบฝ่ายบริหารว่ายังไงดีครับ ?

HR บริษัทแห่งนี้ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายบริหารก็เลยถามมาที่ผมว่ามีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้

ผมก็เลยให้ข้อคิดไปอย่างนี้ครับ

Advertisment

งานที่พนักงานคนที่ติดโควิดทำอยู่มีความสำคัญมาก ถึงขนาดถ้าไม่มีคนทำแล้วจะเกิดความเสียหายร้ายแรงกับบริษัทเลยหรือไม่

บริษัทยังมีพนักงานคนอื่น (ที่ไม่ใช่พนักงานหญิงคนที่ลาคลอด) สามารถทำงานแทนได้หรือไม่

ถ้าไม่มีพนักงานคนใดสามารถทำแทนได้อีกเลย แล้วจะเกิดความเสียหายร้ายแรงกับบริษัทก็ต้องแก้ปัญหานี้โดยด่วนแล้วล่ะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในหน่วยงานนี้ ขึ้นไปจนถึง CEO ควรจะต้องลงมาร่วมรับผิดชอบหาทางแก้ปัญหาเพื่อลดความร้ายแรง (ถ้ามี) ให้น้อยลง

หรือสามารถให้พนักงานหญิงที่ลาคลอดทำงาน หรือสอนงานพนักงานคนอื่นให้ทำแทนจากที่บ้านผ่านระบบ zoom หรือโซเชียลมีเดียอื่นใดได้หรือไม่

ถึงแม้ไม่มีพนักงานคนอื่นทำงานแทนได้ บริษัทควรสั่งให้พนักงานหญิงที่ลาคลอดมาทำงานนี้หรือไม่

ถ้าบริษัทสั่งให้พนักงานหญิงที่ลาคลอดมาทำงานแทน แล้วเกิดติดโควิดใครจะดูแลลูกอ่อนที่เพิ่งคลอดแถมยังสุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดโควิดกันทั้งบ้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลูกอ่อนที่เพิ่งคลอดเกิดติดโควิดจากผู้เป็นแม่ คือติดโควิดทั้งแม่ทั้งลูกอ่อนผู้บริหารจะรับผิดชอบปัญหาสารพัด รวมถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการออกคำสั่งนี้ไหวหรือไม่

สุดท้ายผมจึงบอก HR ไปว่าคงต้องพูดคำหนึ่งกับฝ่ายบริหารคือ คำว่า “ใจเขา-ใจเรา” แหละครับ ถ้าผู้บริหารคิดได้และเข้าใจคำนี้จะต้องไม่สั่งให้พนักงานหญิงที่ลาคลอดมาทำงานแทนในสถานการณ์ที่เป็นอยู่อย่างในปัจจุบันนี้

ตอบคำถาม HR บริษัทแห่งนี้ไปแล้วก็ได้แต่เอาใจช่วยให้ HR ไปคุยกับฝ่ายบริหารได้สำเร็จ และขอให้ฝ่ายบริหารบริษัทแห่งนี้มีคุณธรรมที่สูงพอจะเลิกคิดที่จะใช้วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ครับ

Lesson learn จากเรื่องนี้ก็คือ บริษัทของใครที่อาจจะมีเรื่องทำนองนี้ก็ควรจะต้องมีระบบการสอนงาน หรือการวางระบบให้มีพนักงานคนอื่นสามารถทำแทนกันได้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

แต่ถ้าคนที่ทำแทนได้เป็นคนท้องที่ใกล้คลอด ก็ควรจะต้องมีการถ่ายทอดงานให้กับพนักงานคนอื่นมาเรียนรู้งาน เพื่อป้องกันปัญหาข้างต้นเอาไว้ด้วยครับ