ในทุกวันนี้หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า “วิกฤตผู้ลี้ภัย” แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของวิกฤตนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ อ้าย เว่ย เว่ย ศิลปิน/นักเคลื่อนไหวชาวจีนตัดสินใจทุ่มเทพลังสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์สารคดีที่มีชื่อว่า “Human Flow” ขึ้นมา
อ้าย เว่ย เว่ย เป็นศิลปินผู้สร้างผลงานเขย่าโลกผ่านศิลปะแขนงต่าง ๆ ด้วยการแสดงออกทางความคิดเพื่อให้ผู้ชมได้สำรวจสังคมและคุณค่าของมันมาแล้วมากมาย อาทิเช่น “Ai Weiwei: Trace at Hirshhorn” ที่พิพิธภัณฑ์เฮิร์ชฮอร์นในวอชิงตัน ดี.ซี., “Maybe, Maybe Not” ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอิสราเอลในเยรูซาเลม, “Law of the Journey” ที่หอศิลป์แห่งชาติในปราก และ “Ai Weiwei. Libero” ที่ Palazzo Strozzi ในฟลอเรนซ์
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
Human Flow (ฮิวแมน โฟลว) ภาพยนตร์สารคดีเรื่องล่าสุดของเขา บอกเล่าเรื่องราวของผู้ลี้ภัยผ่านการถ่ายทำใน 23 ประเทศ 40 ค่ายอพยพที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง เช่น อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ อิรัก อิสราเอล หรือแม้แต่ประเทศใหญ่ ๆ อย่าง ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหรัฐอเมริกา และรวมถึง ไทย ด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดถูกบีบให้ต้องอพยพจากภูมิลำเนาด้วยภาวะสงคราม ความอดอยาก สู่การเดินทางอันยาวไกลเพื่อแสวงหาความปลอดภัย แหล่งที่อยู่อาศัย ไปจนถึงชีวิตใหม่
ด้านงานการกำกับภาพใน Human Flow ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญไม่แพ้ประเด็นที่นำเสนอ ได้มีการใข้งานผู้กำกับภาพภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์ชั้นนำของโลกถึง 12 คน หนึ่งในนั้นคือ “คริสโตเฟอร์ ดอยล์” ผู้กำกับภาพมือหนึ่งของเอเชีย เข้าของผลงาน Hero, In The Mood For Love และ 2046
สิ่งที่ได้มาหลังการทุ่มเทถ่ายทำอันยาวนาน คือฟุตเทจความยาวรวมกันกว่า 1,000 ชั่วโมง จากทีมงานกว่า 200 ชีวิต แน่นอนว่าการตัดต่อออกมาให้เป็นเรื่องราวจากฟุตเทจทั้งหมดย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยฝีมือและปณิธานของอ้าย ที่ต้องการสื่อสารกับคนดู ทำให้ นีลส์ พาร์ก แอนเดอร์เซน มือตัดต่อภาพยนตร์สารคดีระดับแถวหน้าของวงการตัดสินใจร่วมโปรเจ็คนี้ด้วย พร้อมทีมงานคุณภาพรวมกว่า 7 คน สำหรับขั้นตอนการตัดต่อ เพื่อให้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้สมดังใจของ อ้าย เว่ย เว่ย
“ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเกาะเลสบอส เพื่อดูการมาถึงของกลุ่มผู้ลี้ภัย มันเป็นอะไรที่บรรยายได้ยากมากเมื่อเห็นพวกเขาทั้งหมดขึ้นเรือมาทั้งชาย หญิง ลูกเด็กเล็กแดง คนแก่ พวกเขาตื่นกลัวและไม่รู้เลยว่ากำลังต้องเจอกับอะไรที่แผ่นดินใหม่ และมันยิ่งทำให้ผมอยากรู้เรื่องราวของคนพวกนี้ขึ้นไปอีก ว่าเขาคือใคร ทำไมต้องยอมเสี่ยงชีวิตมายังที่ที่พวกเขาไม่รู้จักและใครมีใครรู้จักพวกเขา” อ้าย กล่าวถึงประสบการณ์ความรู้สึกอันเป็นจุดจุดเริ่มต้นของโปรเจคต์ Human Flow (ฮิวแมน โฟลว) ที่ถ่ายทอดชีวิตอันน่าเหลือเชื่อของผู้ลี้ภัยพลัดถิ่น
ก่อนหน้านี้ Human Flow ได้เคยเดินหน้าออกฉายตามเทศกาลภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่มาแล้วหลายแห่ง อาทิ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส, เทศกาลภาพยนตร์เทลยูไรด์, เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต ซึ่งทันทีหลังจากเปิดตัวฉายล้วนได้กวาดคำชมจากสื่อรายใหญ่ พร้อมได้รับการคาดหมายเข้าชิงรางวัลใหญ่แห่งปีอย่าง “ออสการ์” ในสาขา “ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม” อีกทั้งยังคว้าคะแนนการันตีความเยี่ยมจากเว็บไซต์รวมคำวิจารณ์ยอดฮิตอย่าง Rotten Tomatoes ไปกว่า 93% และได้รับคำชมจากสื่อ
“ผลงานสารคดีที่ครองใจไปเต็มๆ และงานภาพทั้งสวยงามและทรงพลัง” The Hollywood Reporter
“นำเสนอได้ตามสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงทั่วโลก สะท้อนภาพการอพยพถิ่นฐานและความลำบากยากเข็ญของมนุษย์ได้อย่างยอดเยี่ยม” Time Out New York
“เล่าความจริงไม่สามารถมองข้ามได้อย่างซึ่งหน้า เข้าใจง่ายเหมาะสำหรับทุกคน” Indie Wire
“ทรงพลัง ภาพทุกอย่างบอกเล่าด้วยตัวมันเอง โดยมีอ้ายเป็นพยาน” Boston Globe
แต่ท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มคนดูคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เนื้อหาใน Human Flow (ฮิวแมน โฟลว) นั้นเกิดผลอย่างสำเร็จ
“ผมไม่ต้องการให้คนมองว่าปัญหาของผู้ลี้ภัยเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นปัญหาเฉพาะประเทศ แต่ต้องการให้หนังเชื่อมโยงถึงคนทั้งโลกได้ตระหนักว่าทุกคนบนโลกเป็นมนุษย์เหมือนกัน เมื่อใดที่สิทธิความเป็นมนุษย์ของใครสักคนถูกทำลายลง ย่อมส่งผลต่อมนุษย์ทุกคนต่อไปในทางใดทางหนึ่ง หากผู้ลี้ภัยทั้ง 65 ล้านคนกลายเป็นคนไร้บ้าน ไร้ชาติ นี่จะเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของศตวรรษที่ 21 อย่างแน่นอน” อ้าย เว่ย เว่ย กล่าวสรุป
สำหรับเมืองไทย ร่วมพิสูจน์ผลงานภาพยนตร์สารคดีเรื่องเยี่ยม Human Flow ได้ในโรงภาพยนตร์ 21 ธันวาคมนี้